ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า มีครอบครัวยากจนไร้สิทธิการรักษาพยาบาลต้องสู้ชีวิต โดยแม่เป็นชาวลาวที่เดินทางมาอยู่ที่จ.แพร่ เมื่อ 10 ปี ก่อน จึงเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 80/1 หมู่ 6 ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ นางกิ่งแก้ว สุขแสง อายุ 38 ปี สัญชาติลาว จากเมืองวาปี แขวง สาละวัน สปป.ลาว ที่มามีครอบครัวอยู่ในจังหวัดแพร่เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา
โดยเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา นายธีรภัทร เสมอ อายุ 37 ปี สามีได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งตับ ทำให้ขาดหัวหน้าครอบครัวที่เป็นกำลังสำคัญในการหารายได้ ในขณะต้องเลี้ยงลูกคือน้องวีซ่า ที่มีความผิดปกติของร่างกายที่อวัยวะเพศ คือ มีสองเพศทั้งชาย หญิงอยู่ด้วยกัน ขณะนี้ต้องหยุดพาไปพบแพทย์แล้วเนื่องจากเงินไม่มีเพียงพอ และกำลังอุ้มท้องลูกอีก 1 คน อายุ 8 เดือนครึ่งใกล้คลอดแล้ว ซึ่งการไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลทุกครั้งต้องเสียเงินจำนวนมาก เพียงตรวจเลือดครั้งละ 600 บาท การไปคลอดในโรงพยาบาลต้องเสียเงินกว่า 6,000 บาท ซึ่งนางกิ่งแก้วไม่มีเงินเลย
นางกิ่งแก้ว กล่าวว่า มาอยู่กับนายธีรภัทรสามีคนไทย ที่จังหวัดแพร่ อยู่กินกันมานานนับ 10 ปีแล้ว รู้จักกันเมื่อทำงานรับจ้างใน กทม. แต่ได้จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2558 แต่ก็ยังไม่ไม่สามารถใช้สิทธิ์การเป็นคนไทยได้ ไปติดต่อขอเปลี่ยนสัญชาติหลายครั้งแต่ก็ได้รับคำตอบว่า ต้องใช้เวลานานนับ 10 ปี กว่าจะได้โอนสัญชาติเป็นคนไทยตามกฎหมาย ทำให้ไม่ได้รับสวัสดิการในฐานะคนไทย
หลังจากคลอดบุตรคนแรก คือน้องวีซ่า มีอาการผิดปกติที่เครื่องเพศ คือ เหมือนมี 2 เพศ มีอวัยวะเพศชาย แต่ไม่มีลูกอันทะ ท่อปัสสาวะมีรูออกต่างหากไม่ได้ออกจากอวัยวะเพศชาย ทำให้น้องวีซ่าต้องนั่งถ่ายปัสสาวะเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป หลังคลอดได้ปรึกษาแพทย์ที่จังหวัดแพร่ สุดท้ายให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งไปรักษาบ่อยมากในช่วงแรกๆ แต่ต้องเสียเงินจำนวนมาก แค่ฉีดยาเข็มละ 2,800 บาท ช่วงสามียังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีเงินพอที่จะนำน้องวีซ่าไปรักษาให้เพศสู่สภาวะปกติได้ แต่ยิ่งสามีเสียชีวิตไปการรักษาคงไม่มีโอกาสแน่นอน ก็หวั่นอยู่ว่า ถ้าน้องวีซ่าโตขึ้นเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษา จะเป็นอย่างไร น้องคงมีปมด้อย และอาจเป็นปัญหาจนเข้าสังคมไม่ได้ นางกิ่งแก้วกล่าวด้วยความเป็นห่วงลูกคนโต
นายสมยศ เกิดผล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ กล่าวว่า มีข่าวหน่วยแพทย์ พอสว. ในสมเด็จย่า มารักษาประชาชนในจังหวัดแพร่ เมื่อต้นปีนี้ ได้เสนอชื่อน้องวีซ่าไปสู่การรักษา แต่ปรากฏว่า นายธีรภัทรเกิดป่วยหนักทำให้ครอบครัวนี้ไม่ได้พาน้องวีซ่า ไปหาหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอสว. ซึ่งกรรมการหมู่บ้านก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้ทำเรื่องไปถึงจังหวัดแพร่ เพื่อให้หาทางช่วยเหลือ แต่ก็ยังไม่คืบหน้าใดใด
นายสวัสดิ์ บุดดาจี๋ สารวัตรกำนัน ตำบลนาพูน อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ กล่าวว่า นายธีรภัทรเป็น อาสาสมัคร อพปร. ได้เข้ามาช่วยหลังเสียชีวิต พบภรรยาเป็นคนต่างด้าวทั้งๆ ที่อยู่ในฐานะภรรยาคนไทยมานาน มีทะเบียนบ้าน และทะเบียนสมรสพร้อม นางกิ่งแก้วน่าจะได้รับสิทธิ์ทางกฎหมายให้เป็นคนไทยแล้ว ได้นำปัญหาดังกล่าวไปนำเสนอในที่ประชุม อพปร.จังหวัดแพร่ จึงมีสมาชิก อพปร. มาหาทางช่วยกัน โดยเฉพาะลูกที่จะคลอดแล้วต้องใช้เงินถึงหกเจ็ดพันบาท จะไปเอาเงินที่ไหนมาทำคลอดลูกคนเล้ก ทางราชการควรให้สิทธิเพื่อให้เกิดการช่วยเหลือเรื่องสวัสดิการ และลูกคนโตมีสองเพศ ซึ่งต้องรับแก้ไขก่อนที่ลูกจะโตจะเอาเงินที่ไหนนอกจากช่วยให้ได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาลเช่นเดียวกับคนไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น น้องวีซ่า ที่มีเครื่องเพศเป็น 2 เพศ ชายหญิงอยู่ในคนเดียวกัน ผู้ปกครองไม่สามารถนำไปรักษาพยาบาลได้ เพราะการที่ไม่ได้รับสิทธิ์ในความเป็นคนไทยทำให้ทุกชีวิตในครอบครัวนี้ต้องตกระกำลำบากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังไม่มีหน่วยราชการใดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ นอกจากคนในชุมชนที่พยายามช่วยเหลือกันตามอัตภาพ