ผู้สื่อข่าวรายงา ได้รับแจ้งจาก น.ส.รจนา ชัยประภาขวัญ อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 590 หมู่ 2 ต.เขาท่าพระ อ.เมืองชัยนาท ได้เผยเรื่องราวเพื่อเตือนผู้คนที่ไปเที่ยวงานวัดต่างๆ อย่าไปหลงเชื่อเล่นเกมส์เสี่ยงโชคตามงาน เพราะอาจถูกหลอกเหมือนกับตน เนื่องจากตนเล่นเกมส์ดังกล่าวจนเป็นเหตุให้เสียทองคำหนักกว่า 3 บาท ภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที
โดย น.ส.รจนา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปเที่ยวงานมหกรรมหุ่นฟางนกและงานของดีศรีท้องถิ่นชัยนาท ที่จัดขึ้นหน้าศาลากลางจังหวัดชัยนาทและเดินไปถึงโซนร้านเกมเสี่ยงโชค เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเล่นเกมอยู่ที่โต๊ะลูกศรหมุนพาโชค มีลักษณะเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมแบ่งเป็นช่อง และมีของรางวัล เช่น น้ำอัดลม ของเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ ทองรูปพรรณ วางอยู่ตามช่องต่างๆ และมีลูกศรหมุนอยู่ตรงกลาง ตนเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเล่นเกมส์แล้วได้ทองคำ แต่ขอแลกเป็นเงิน 3,000 บาทแทน จึงเกิดความสงสัยเข้าไปสอบถามวิธีการเล่น จากนั้นมีผู้หญิงอีก 2 คน เดินเข้ามายืนประกบข้างตน โดยคนหนึ่งมีลักษณะรูปร่างอ้วน ได้ชักชวนให้เล่น โดยครั้งแรกใช้เงิน 500 บาท เป็นเดิมพันแล้วให้หมุนลูกศร ถ้าลูกศรหมุนไปหยุดตรงจุดที่ไม่มีห่วงวางไว้ก็จะได้เงินเพิ่มจากเดิมพันอีก 1 เท่าตัว แต่ตนนั้น แทงไปกี่ครั้งลูกศรก็หมุนไปหยุดที่ห่วงจึงเสียเงินไป และเมื่อจะเลิกเล่น คนคุมโต๊ะก็เสนอเงินเดิมพันมากขึ้น เช่น ถ้าลงเงิน 10,000 บาท จะได้เงิน 25,000 บาท หรือลงเงิน 20,000 บาท จะได้เงิน 40,000 บาท ซึ่งมีผู้หญิงอ้วนเสนอให้ยืมเงิน แลกกับแหวนทอง สร้อยทองที่ตนใส่ติดตัวมา
ส่วนผู้หญิงอีก 2 คน และเจ้าของร้าน นั้นได้พยายามพูดหลอกล่อให้ตนลงเล่นเกมต่อ จนตนหลงเชื่อ ทยอยถอดแหวนทอง 3 วง สร้อยทอง 1 เส้น สร้อยข้อมือทอง 1 เส้น รวมน้ำหนัก 3 บาท 2 สลึง ให้กับผู้หญิงอ้วนไป แลกกับเงิน 70,000 บาท เป็นเดิมพันเล่นเกม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เงินสักบาทกลับคืนมาแถมยังต้องเสียทองคำทั้งหมดมูลค่ากว่า 70,000 บาท
ซึ่งตนได้กลับมาคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนแน่ใจว่าตนถูกหลอกแน่ๆและผู้หญิงอ้วน ผู้หญิงเสื้อดำ 2คนกับคนคุมโต๊ะอาจป็นพวกเดียวกัน จึงเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองชัยนาท แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่รับแจ้งความ โดยบอก เป็นความสมัครใจเล่นการพนันเอง จากนั้นตนจึงกลับไปที่ร้านอีกครั้งเพื่อจะไปสอบถามวิธีเล่นให้แน่ชัด และได้ขอเล่นเกมแก้มือใหม่ โดยหวังจะได้เงินที่เสียไปคืนมา แต่คนคุมโต๊ะไม่ยอมเล่นด้วย ทำให้แน่ใจว่าที่ผ่านมาถูกหลอกแน่นอน จึงได้นำเรื่องมาเล่าให้สื่อมวลชนฟังเพื่อเป็นอุทาหรณ์ ไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อเกมส์ตามงานวัดแบบตนอีก จากนั้นคืนวันที่12 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้นำผู้สื่อข่าวไปที่จุดเกิดเหตุ แต่ปรากฏว่า ร้านเกมส์เสี่ยงโชคดังกล่าวได้เก็บอุปกรณ์ และไม่มีการตั้งร้านเล่นเกมส์แต่อย่างใด โดยร้านค้าบริเวณใกล้เคียงได้บอกว่า ร้านดังกล่าวไม่มาเปิด แต่เมื่อช่วงวันที่ 3 -11 ก.พ. ยังเปิดร้านให้คนไปเล่นทุกคืนตามปกติ