เมื่อวันที่ 11 ก.พ.พ.ต.อ.ดุษฎีอารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะได้เดินทางมาเยี่ยมนางจารุวรรณ วุ่นสุวรรณ ที่บ้านพักเลขที่ 257 ถนนทุ่งสง-สุราษฏร์ธานี เขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช หลังจากที่ตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย และศาลฎีกาตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ต่อมาทางญาติได้ร้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 ขอรื้อฟื้นคดีใหม่หลังจากที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถรื้อฟื้นคดีใหม่ได้ ทางกระทรวงยุติธรรมจึงให้หลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัวออกมา
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 4 ส.ค.46 นายจงรักษ์ วุ่นสุวรรณ อายุ 53 ปี หรือโกจ้อง เสี่ยใหญ่ เจ้าของร้านแท่นพาณิชย์ ร้านจำหน่ายเครื่องเขียนใหญ่ที่สุดใน อ.ทุ่งสง สามีนางจารุวรรณผู้ต้องหา ถูกคนร้ายฆ่าตายในบ้านพัก ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายธวัชชัย หรือบอย โพธิ์แก้ว อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นลูกจ้างที่ร้านได้ สอบสวนให้การรับสารภาพว่า รับการว่าจ้างจากนางจารุวรรณเป็นเงิน 8 หมื่นบาท หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมจึงจับกุมตัวนางจารุวรรณ เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2546 ขณะที่กำลังจัดงานศพนายจงรักษ์สามี
จากการสอบสวนนางจารุวรรณให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา จากนั้นตำรวจนำตัวนางจารุวรรณส่งฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาตัดสินประหารชีวิต ต่อมาผู้ต้องหาอุทธรณ์สู้คดี ศาลอุทธรณ์ตัดสินยกฟ้อง ส่วนศาลฎีกาตัดสินจำคุกนางจารุวรรณตลอดชีวิต สำหรับนายธวัชชัย หรือบอย โพธิ์แก้ว ศาลตัดสินจำคุก 33 ปี และในระหว่างที่นางจารุวรรณถูกจำคุกอยู่นั้น ทางญาติและบุตรสาวได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ ภาค 8 เพื่อขอให้รื้อฟื้นคดีใหม่ เนื่องจากได้หลักฐานที่พอจะแสดงความบริสุทธิ์ว่า นางจารุวรรณไม่ได้เป็นผู้จ้างวานฆ่าสามีตัวเอง แต่เป็นเพราะถูกนายธวัชชัยใส่ร้าย
หลังจากที่ศาลอุทธรณ์ ภาค 8 พิจารณาหลักฐานที่นำมาแสดงแล้วเห็นว่า สมควรรื้อฟื้นคดีใหม่ จึงเสนอไปยังสำนักงานยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม และทางกระทรวงยุติธรรมจึงอนุญาติให้ใช้หลักทรัพย์ของกระทรวงมาประกันตัวนางจารุวรรณออกมาเพื่อสู้คดีใหม่ ซึ่งนางจารุวรรณได้รับการประกันตัว และปล่อยตัวเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ท่ามกลางความดีใจของบรรดาลูก ๆ และญาติพี่น้องที่ไปคอยรับบางคนถึงกับร้องไห้ด้วยความดีใจ โดยนางจารุวรรณร้องไห้พร้อมก้มลงกราบเท้าแม่ตัวเองที่อายุมากมารอรับที่หน้าเรือนจำฯ ทำเอาคนผ่านไปผ่านมาถึงกับน้ำตาไหลซึ้งกับภาพที่เห็นเป็นอย่างมาก ทั้งนี้นางจารุวรรณถูกจำคุกไปแล้ว 13 ปีเศษ
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า เหตุที่ตน และคณะต้องเดินทางลงมาเยี่ยมนางจารุวรรณครั้งนี้ เป็นเพราะว่าทางญาติได้ยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีใหม่ เพราะมีหลักฐานและพยานที่สามารถยืนยันได้ว่านางจารุวรรณ เป็นผู้บริสุทธิ์จึงต้องมาดูแล และใหกำลังใจ เพราะหากว่ารื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่แล้วสามารถพิสูจน์ให้ศาลพิพากษาว่านางจารุวรรณบริสุทธิ์แล้ว คิดดูว่าจิตใจของนางจารุวรรณจะเป็นอย่างไร และการร้องให้มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่หลังจากที่ถูกศาลพิพากษาตัดสินคดีแล้วนั้นนับเป็นรายที่ 2 ของประเทศ
ด้านนายยุทธนา เนติศุภชีวิน ประธานสภาทนายความศาลจังหวัดทุ่งสง กล่าวว่า สำหรับการรื้อฟื้นคดีใหม่ครั้งนี้จะมีการนัดสืบพยานในศาลชั้นต้น จากนั้นส่งให้ศาลฎีกาโดยไม่ผ่านศาลอุทธรณ์แต่อย่างใด ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานในการพิพากษาคดี