นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า สปสช.ชี้แจงสำนักงบฯว่า ในปีงบประมาณ 2561 ทางสปสช.จะมีการขยายสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นสำหรับประชากรสิทธิบัตรทองจำนวน 48.797 คน พร้อมทั้งยังมีนโยบายอื่นๆเพิ่มขึ้น อาทิ การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในเด็กหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 คาดว่าต้องใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท เฉลี่ยต้องเพิ่มงบรายหัวอีกคนละ 6 บาท หรือการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้เฉลี่ยต้องเพิ่มงบรายหัวประมาณ 3-4 บาทต่อคน อีกทั้ง ยังมีงบประมาณในการจัดระบบหมอครอบครัวที่จะขยายการบริการถึงเขตกทม. เพื่อให้คนกรุงเทพฯเข้าถึงบริการมากขึ้น โดยเรื่องนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเตรียมงบฯไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาทอีก แต่ในการเพิ่มก็ต้องมาดูรายละเอียดว่าต้องเป็นเท่าไร อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาแล้วไม่สามารถให้งบประมาณเพิ่มได้ตามที่ขอจริงๆแล้ว ทางสปสช.อาจต้องลดเป้าหมายลง ยกตัวอย่าง การผ่าตัดข้อเข่าเสื่อม ตั้งเป้า 100,000 คน อาจต้องเหลือเพียง 70,000 คน ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้เร่งรีบ อาจทยอยทำในปีงบประมาณอื่น เพราะเป็นกลุ่มที่รอคิวรับบริการได้
ถามถึงกรณีการหารือเรื่องงบรักษาพยาบาลกองทุนพนักงานและข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีปัญหางบประมาณไม่เพียงพอในเดือนเมษายนนี้ นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า จริงๆงบเรื่องนี้จะมีปัญหาเพียงงบประมาณปี 2560 คือช่วงเดือนเมษายนนี้ แต่ยืนยันไม่ได้กระทบต่อผู้รับบริการที่เป็นข้าราชการท้องถิ่น เพราะจะมีการหารือร่วมกับกับคณะกรรมการกระจายอำนาจในเร็วๆนี้เพื่อปรับบันทึกข้อตกลงใหม่ในเรื่องการหางบประมาณเพิ่มเติม ส่วนในปีงบประมาณ 2561 สปสชงเสนอของบไปแล้ว 9,000 ล้านบาท ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร เป็นไปตามข้อเสนอ ดังนั้น ในเรื่องการบริหารระยะยาวไม่ต้องกังวล ส่วนระยะสั้นที่มีติดขัดบ้าง เป็นเรื่องของการบริหารจัดการ แต่ในเรื่องการบริการรักษายืนยันไม่กระทบ