จากกรณี นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร ภายหลังถูกศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน ในคดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต เหตุเกิดเมื่อปี 2548 และถูกจำคุกตั้งแต่เมื่อปี 56 ก่อนได้รับอภัยโทษออกมาเมื่อปี 2558 ก่อนจะมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเป็นการจับผู้ต้องหาผิดตัวและสุดท้ายสามารถติดตามผู้ต้องหาตัวจริงมาได้ เหตุทั้งหมดเกิดจากตำรวจจับผิดตัวจำทะเบียนรถคลาดเคลื่อน เป็นผลทำให้นางจอมทรัพย์ถูกจำคุกฟรีทั้งที่ไม่ได้มีความผิดอะไร จึงยื่นขอความช่วยเหลือหวังได้รับความยุติธรรมจากผลการกระทำผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกระทรวงยุติธรรม
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (9 ก.พ.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์รายการกรองข่าวเช้านี้ วิทยุเนชั่น คลื่นเอฟเอ็ม FM.102 หลังจากได้ไปฟังการสืบพยานในการรื้อคดีครูจอมทรัพย์ที่ศาลจังหวัดนครพนมทั้งวัน โดยบอกว่าประเด็นการต่อสู้ของครูจอมทรัพย์ยังเป็นประเด็นเดิม เป็นพยานหลักฐานเก่าทั้งนั้น
โดยนายอัจฉริยะ ได้ตั้งข้อสงสัยในส่วนการสืบพยานเรื่องรถของครูจอมทรัพย์ ว่าทำไมกระทรวงยุติธรรมไม่ใช้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรมมาเป็นผู้ตรวจสอบ แต่กลับไปใช้หน่วยงานอื่นที่ไม่ได้ผู้เชี่ยวชาญที่ขึ้นทะเบียนกับศาล และไม่ได้การรับรองว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของสถาบันตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอบอกว่าเกรงว่าหากใช้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะเกิดครหาว่าเกิดความไม่โปร่งใส ตนมองว่าเป็นการดูถูกคนในหน่วยงานของตัวเอง อีกทั้งตอนยื่นรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์ มีการเอานายสับ วาปี เป็นตัวตั้งในการยื่นเรื่องว่าเป็นคนขับรถชน พอมาตอนนี้ตนไม่เข้าใจว่านายสับหายไปไหน ทำไมไม่เอานายสับมาเป็นพยาน พร้อมกล่าวว่า ตนมีข้อมูลเชิงลึกของนายสับ วาปี สารภาพกับท่านรองปลัดมาแล้วว่ารับเงินมา วันศุกร์นี้ (10 ก.พ.) ตนจะเปิดโปงขบวนการทำลายกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดให้เห็น จะทำเป็นชาร์ตให้เห็นเลยว่ามีใครร่วมขบวนการบ้าง
อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยังยืนเดิมพันเดิมที่เคยท้าไว้หากครูจอมทรัพย์เป็น "แพะ" ตนยินดีเอาดอกไม้ไปขอมากราบเท้าครูจอมทรัพย์ ยินดีเข้าคุกตลอดเวลา ให้ครูฟ้องทั้งอาญาทั้งแพ่งและจะยุติบทบาทในการทำหน้าที่ จะไม่มีชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมในประเทศไทยต่อไป ทั้งนี้ศาลจังหสัดนครพนมนัดสืบพยานในการรื้อคดีครูจอมทรัพย์ 3 วัน คือ 8-10 ก.พ. โดยการสืบพยานวันแรก สืบพยานฝ่ายผู้ร้องไปแล้ว 6 ปาก จากทั้งหมด 9 ปาก วันนี้จะสืบพยาน 3 ปากที่เหลือของฝ่ายผู้ร้อง จากนั้นจะเป็นสืบพยานฝ่ายผู้ถูกร้อง
สำหรับนายสับ วาปี ผู้ที่เคยออกมาระบุว่าเป็นคนขับรถชนผู้เสียชีวิตตัวจริง นั้น เรียกได้ว่าทางกระทรวงยุติธรรมที่เข้ามาช่วยเหลือครูจอมทรัพย์ในคดีนี้ได้ตัดชื่อนายสับออกจากการเป็นพยานในนาทีสุดท้าย โดยกระทรวงยุติธรรมให้เหตุผลว่า ต้องการมุ่งเน้นว่ารถกระบะของครูจอมทรัพย์ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของครูจอมทรัพย์ หากนำนายสับขึ้นเป็นพยานด้วยอาจจะทำให้เกิดความไขว้เขว และต้องใช้เวลาในการพิจารณาคดีนานขึ้น เพราะต้องมีขั้นตอนนำนายสับเข้าเครื่องจับเท็จ และต้องฟ้องคดีอาญากับนายสับก่อน ต้องให้ศาลตัดสินว่านายสับผิดก่อนจึงจะสามารถมาตัดสินในคดีรื้อฟื้นของครูจอมทรัพย์ได้.