นายไผ่ ลิกค์ หรือ ไผ่ วันพอยท์ ทายาทอดีตนักการเมือง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถลัมโบร์กินี ที่อยู่ในความครอบครองของ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง โดยระบุว่าตนเองไม่ได้รู้จักกับ นายณัฐพล นาคคำ หรือ บอย และ นายอัครกิตติ์ เป็นการส่วนตัว แต่ยอมรับว่าทั้ง 2 คน มาติดต่อ ขอให้ช่วยแนะนำรถซูเปอร์คาร์ ในฐานะที่ตนเองอยู่ในแวดวงนักแข่งรถ จึงแนะนำให้ติดต่อกับเพื่อน ที่พามาด้วยในวันนี้ และตกลงที่จะซื้อรถลัมโบร์กินี ราคา 14 ล้านบาท เป็นรถติดไฟแนนซ์ และดาวน์รถไปประมาณ 5 - 6 ล้านบาท ที่เต็นท์รถชื่อ "เอก บลูโน ย่านพระราม 3"
โดย นายไผ่ ระบุว่า หลังจากได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่เมื่อช่วงเช้า เพื่อเข้ามาให้ข้อมูลในฐานะพยาน ตนก็เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวน และไม่ได้เตรียมเอกสารหลักฐานอะไรมา เพราะไม่มีหลักฐานตั้งแต่แรก เพราะตนเองเป็นแค่คนกลางประสานให้มีการซื้อขายรถกันเท่านั้น
ซึ่งขณะนี้ นายไผ่ ลิกค์ ได้เดินทางเข้าไปให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน ภายในกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดแล้ว
ปส.จ่อยึดรถหรูอีกกว่า20คันพัวพันแก๊งไซซะนะ
พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวถึงกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียที่โจมตีการทำงานของตำรวจไทย กล่าวหาว่าไม่มีหลักฐานกรณีจับกุมนายไซซะนะ แก้วพิมพา นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ และอาจหลุดคดีหากต่อสู้ในชั้นศาลว่า เป็นความเห็นของคนทั่วไปที่อาจไม่เข้าใจการทำคดี ซึ่งตำรวจกำลังขยายผลจากการจับกุมและยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ส่วนการอายัดรถลัมโบร์กินี ของ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง มาตรวจสอบนั้น เป็นเพียง 1 ในรถเป้าหมาย แต่ยังมีรถยนต์ซูเปอร์คาร์ รุ่นท็อป ที่มีราคามากกว่า 20 ล้านบาท อีกกว่า 20 คัน ที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานอายัดมาตรวจสอบอีกเร็ว ๆ นี้
ผบช.ปส. กล่าวยืนยันว่า การทำคดีนี้มีพยานหลักฐานชัดเจน ไม่กลัว และตอบคำถามสังคมได้ว่าตำรวจไทยมีไว้ทำไม และที่ผ่านมามีการประสานข้อมูลกับ สปป.ลาว อย่างใกล้ชิด พร้อมลงพื้นที่ภาคใต้หารือกับทหารได้เบาะแสเพิ่มเติมจำนวนมาก และประสานทางการมาเลเซียติดตามจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายนี้เพิ่มเติมด้วย ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบทางภาคใต้หรือไม่ เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง
นอกจากนี้ พล.ต.ท.สมหมาย ยืนยันการทำงานของตำรวจปราบปรามยาเสพติดไม่ใช่การทำงานแบบฉาบฉวย แต่จะทำงานไปจนกว่าจะเกษียณอายุราชการ และมีการประสานข้อมูลเชิงลึกและลงพื้นที่หาข่าวอย่างต่อเนื่อง จนพบเส้นทางลำเลียงยาเสพติดที่ส่งไปยังประเทศที่สาม ทั้งมาเลเซีย ออสเตรเลีย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านด้วย