วันที่ 2 ธ.ค. หลังจากที่ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีประกาศเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พุทธศักราช 2559 ว่า พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้แล้วตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 จึงได้มีการประชุมเพื่อรับทราบ และได้กราบบังคมทูลอัญเชิญพระรัชทายาท โดยประกาศให้ทราบทั่วกันว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ทรงโปรดเกล้าฯ เฉลิมพระปรมาภิไธยเป็นการชั่วคราว เพื่อความสะดวกในการเรียกขานพระนาม จึงมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
โดยในเวลา 08.00 น. ที่ผ่านมา ธงเยาวราช ซึ่งเป็นเครื่องหมายในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ถูกเชิญลงจากยอดเสาพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต และเชิญธงมหาราช ซึ่งเป็นธงพระอิสริยยศประจำพระองค์พระมหากษัตริย์ ขึ้นสู่ยอดเสาแทน ในเวลา 08.00 น.
ธงมหาราชใช้ในพระราชพิธี แบ่งออกเป็น ธงมหาราชใหญ่ ใช้กับรถพระที่นั่ง เครื่องบิน เสาธงในตำหนัก ส่วนธงมหาราชน้อย ใช้กับเรือโดยธงมหาราชหมายถึงธงสำหรับองค์พระมหากษัตริย์นั้น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงธงราชอิสริยยศ โดยตราเป็นพระราชบัญญัติธง ร.ศ.129 (พ.ศ.2453) เปลี่ยนรูปร่างลักษณะและสีของธงมหาราชใหม่ เป็นธงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นสีเหลือง ตรงกลางมีรูปครุฑพ่าห์สีแดง
ธงมหาราชใหม่นี้มี 2 ชนิดคือธงมหาราชใหญ่และธงมหาราชน้อย ธงมหาราชใหญ่ ผืนธงเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นธงสีเหลือง มีรูปครุฑสีแดงอยู่กลาง ธงมหาราชน้อย ผืนธงตอนต้นมีลักษณะและสีเช่นเดียวกับธงมหาราชใหญ่ แต่กว้างไม่เกิน 60 เซนติเมตร ตอนปลายเป็นชายต่อสีขาว แปลงเป็นรูปธงยาวเรียว ปลายสุดกว้างครึ่งหนึ่งของตอนต้น ปลายธงตัดแฉกรูปหางนกแซงแซว ลึก 3 ใน 8 ส่วนของความยาวผืนธง ความยาวผืนธงเป็น 8 เท่าของความยาวตอนต้น ธงนี้เมื่อใช้แทนธงมหาราชใหญ่ เป็นเครื่องแสดงให้ทราบว่าโปรดเกล้าฯ ให้งดการยิงสลุตถวายคำนับ