ขณะนี้มีสถานประกอบการเพื่อสุขภาพทั้ง 3 ประเภท ขึ้นทะเบียนรับรองมาตรฐานอย่างต่อเนื่องใน กทม. 250 แห่ง เป็นสปาเพื่อสุขภาพ 32 แห่ง นวดเพื่อสุขภาพ 176 แห่ง และนวดเพื่อเสริมสวย 42 แห่ง ต่างจังหวัดอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล คาดว่าจะมีประมาณ 500-600 แห่ง มีสถานประกอบการยื่นขอจดทะเบียนรายใหม่ประมาณปีละ 160 ราย ส่วนที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตในปีที่ผ่านมามี 4 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นนวดเพื่อสุขภาพ เนื่องจากตรวจพบมีการค้าประเวณีแอบแฝง
สถานบริการทั้ง 3 ประเภทนี้ต้องขอต่อทะเบียนปีต่อปี
โดยกระทรวงสาธารณสุขจะออกใบรับรองมาตรฐาน และติดตราสัญลักษณ์มาตรฐานสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เป็นรูปมือ ระบุวันเดือนปีหมดอายุ หากประชาชนเข้าไปใช้บริการให้สังเกตเครื่องหมายนี้ด้วย หากประชาชนพบเห็นหรือสงสัยว่าสถานประกอบการเพื่อสุขภาพทั้ง 3 ประเภท มีการแอบแฝงขายบริการทางเพศ ขอให้แจ้งที่สำนักงานส่งเสริมธุรกิจบริการสุขภาพ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข หมายเลข 0-2590-1997 ต่อ 701-705 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง หรือแจ้งผ่านเว็บไซต์ www.thaispa.org หรือ www.thai spa.go.th
ขณะที่ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น.มีคำสั่งให้ตำรวจทุกกองบังคับการ สน.ทุกท้องที่ ตรวจสอบ
สถานบริการที่เปิดเป็นลักษณะสปาและเข้าข่ายเป็นธุระจัดให้มีการสนองความใคร่ว่ามีทั้งหมดกี่แห่ง หากพบการกระทำผิดให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ส่วน พ.ต.อ.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ ผกก.ศูนย์สวัสดิภาพเด็ก เยาวชนและสตรี (ศดส.) กล่าวว่า กำลังทำการสืบสวนเข้าจับกุมสปาลักษณะนี้อยู่ 2 แห่ง สำหรับพฤติการณ์ของเจ้าของกิจการสปาค้ากามบางแห่ง จะล่อลวงหรือชักชวนนำเด็กหญิง นักเรียนมัธยม หรือ ปวช. ปวส. จากต่างจังหวัด ที่อยู่ในช่วงปิดเทอม เข้ามาให้บริการแก่ลูกค้า โดยอ้างว่ามาทำงานเป็นพนักงานประชาสัมพันธ์ในสปา เสนอเงินเดือนสูงถึงเดือนละ 50,000 บาท เด็กสาวหลายคนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อค้ากาม ตำรวจเคยเข้าจับกุมมาได้แล้วครั้งหนึ่ง ในพื้นที่ สน.โชคชัย และช่วยเหลือเด็กหญิงไว้ได้
ทางด้านนางวัลวลี ตันติกาญจน์ นายกสมาคมสปาสมุย และรองประธานสมาพันธ์สปาไทย กล่าวว่า
ปัญหาสปาแอบแฝงขายบริการทางเพศมีมานานแล้ว แต่มักถูกปล่อยปละละเลย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ ปราบปรามอย่างจริงจัง ขณะที่สมาพันธ์สปาไทย พยายามโปรโมตจุดขายของสปาไทยจนโด่งดังไปทั่วโลก จนมีรายได้ปีละนับหมื่นล้านบาท แต่กลับถูกคนเหล่านี้ทำลายชื่อเสียงในพริบตา การกู้ชื่อเสียงกลับมาไม่ใช่เรื่องง่าย ประเด็นนี้ต้องดูที่ต้นตอ เพราะกฎหมายบังคับใช้เกี่ยวกับสปามีช่องโหว่