เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 1 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการดำเนินการของภาคส่วนต่างๆ หลังมีการเข้าเฝ้าฯในวันนี้ว่า ทุกภาคส่วนควรอยู่ในความสงบ หากต้องไปถวายบังคมพระบรมศพสามารถไปได้ตามปกติ ส่วนการประดับพระบรมฉายาลักษณ์ในพื้นที่ต่างๆ ทั้งบริเวณถนนราชดำเนิน ส่วนราชการ หรือห้างร้าน ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การไว้ทุกข์ก็ยังเหมือนเดิมเช่นกัน เช่นเดียวกับเมื่อ 70 ปีที่แล้ว ที่ในหลวงรัชกาลที่ 8 เสด็จสวรรคต ค่ำวันเดียวกันก็มีการอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทันที วันรุ่งขึ้นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ประชาชนก็ยังแต่งดำตามปกติ พระบรมรูป พระบรมฉายาลักษณ์ก็ยังอยู่ตามปกติ และในสมัยนี้ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชโอรส ก็ได้มีพระราชบัณฑูรให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความปกติด้วยความอ่อนน้อมถ่อมพระองค์ในทุกเรื่อง
เมื่อถามว่า หากจะประดับพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ในส่วนราชการสามารถทำได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า "แค่เลือกรูปก็เลือกไม่ถูกแล้วว่าจะใช้อิริยาบถแบบไหน ดังนั้นขอให้อยู่ตามปกติ ทุกภาคส่วนกรุณารอ จากนี้รัฐบาลจะต้องประชุมหารือเพื่อกำหนดวิธีดำเนินการ และเมื่อถึงเวลาอันสมควรจะมีการประกาศให้ทราบ อย่าไปเชื่อข่าวลืออะไรที่ออกมา สื่อมวลชน โทรทัศน์ระวังให้ดีเวลาออกข่าวในพระราชสำนัก อย่าเผลอออกพระนามว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ก็แล้วกัน เพราะพระองค์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
เมื่อถามว่า การเข้าเฝ้าในวันนี้จะประกอบด้วยใครบ้าง นายวิษณุ ตอบว่า จะมีนายกฯเป็นตัวแทนฝ่ายบริหาร ประธาน สนช. ตัวแทนฝ่ายนิติบัญญัติ ประธานศาลฎีกาเป็นตัวแทนฝ่ายตุลาการ ส่วน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จะเข้าเฝ้าในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งจะสิ้นสุดภาระรับผิดชอบ โดยการกราบบังคมทูลนั้นจะเป็นหน้าที่ของประธาน สนช.ในฐานะประธานรัฐสภา และประธานสภาจะออกประกาศให้ประชาชนทราบตามที่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าเข้าเฝ้าคืนนี้ (1 ธ.ค.) และประกาศในวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.) คงพิลึก เพราะชาวบ้านกำลังรอฟังกันอยู่ และขอให้รำลึกไว้ว่าทั้งหมดคือการย้อนหลังไปถึงวันที่ 13 ตุลาคมทั้งสิ้น ตามหลักที่ถือกันว่าราชบัลลังก์จะไม่ว่างลง