เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 นางปุนยวัจนา วรรคาวิสันต์ ภรรยา พล.ต.วิทยา วรรคาวิสันต์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 จ.น่าน มารดานาย อิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ หูรือเจมส์บอน ผู้เสียหายจากการ์ดมาลินสกายถูกทำร้ายร่างกาย จนบาดเจ็บสาหัส เผยถึงอาการบุตรชายว่า หลังออกจากห้องผ่าตัด อาการดีขึ้นแล้ว แต่ห่วงเรื่องสายตา เพราะบุตรชายถูกของแข็งทุบบริเวณใบหน้า แต่หมอบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงตาคงไม่บอด แต่อาจใช้สายตาไม่ปกติเหมือนทั่วไป เคยมองเห็น 100 % อาจเหลือ 50-75 % เท่านั้น เพราะถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
"กรณีพนักงานสอบสวน ขอมาสอบปากคำบุตรชาย เพื่อประกอบสำนวนคดี หากอาการดีขึ้น อยู่ในขั้นปลอดภัย แพทย์อาจอนุญาตให้มาสอบปากคำภายใน 2-3 วันนี้ ส่วนคู่กรณีหรือผู้บงการทำร้ายลูกชาย ยังไม่ได้ติดต่อมา อยาก
เจอคนชื่อ บอล อยากฝากว่า คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำ คุณแม่เชื่อว่าคุณเป็นคนทำ เพราะบุตรชายเห็นว่าคุณเป็นคนสั่งการ และทุกคำพูดที่พูดกับลูก ระหว่างโดนซ้อม แม่ได้ยินทุกคำพูด เพราะบุตรชายได้เปิดมือถือติดต่อกับตนเองไว้" นางปุนยวัจนา กล่าว
นางปุนยวัจนา กล่าวอีกว่า ระหว่างนั้น ตนได้ยินเสียงบุตรชาย ร้องขอว่าอย่าทำผม ขอร้องนะครับ พวกคุนไม่ได้ยินหรือ ทำไมถึงสั่งให้ลากลูกดิฉันไปในฐานะคนเป็นแม่ อยากให้ไปถามแม่บอลดูว่า ถ้าคุณโดนอย่างลูกฉัน แล้ว
แม่คุณได้ยินเสียงลูกร้องขอช่วย แต่แม่ช่วยอะไรไม่ได้ (ร้องไห้สะอึกสะอื้น)ลูกฉันเจ็บปวดขนาดไหน ร้องโหยหวน แล้วเสียงที่ลูกฉันขอความเมตตาจากพวกคุณ ขอให้หยุดทำร้าย ไว้ชีวิตเขา พวกคุณทำไมไม่หยุด ลูกเป็นแค่นัก
ศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่เด็กเกเร ไปถามอาจารย์ถึงพฤติกรรมได้ คุณต้องรับผิดชอบ (เสียงหนักแน่น) ถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายจริง ต้องมารับผิดชอบ มาคุยกับฉัน ไม่คุยอย่างลูกผู้ชาย อย่าอยู่ภายใต้กระโปรงของผู้หญิง แล้วผู้หญิงที่ออกมาให้สัมภาษณ์ (อุ้ม ลักขณา) ไม่เคยพูด ไม่เคยเอ่ยชื่อถึงด้วยซ้ำไป
"ดังนั้น คุณไม่ต้องมาเกี่ยวเรื่องนี้ ฉันขอคนชื่อบอลเท่านั้น ออกมาคุยกับฉันส่วนที่ยังไม่แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บงการสั่งการ์ดทำร้ายลูก ขอรอดูอาการบุตรชายก่อน หลังจากนั้นถึงไปแจ้งความดำเนินคดี และไม่เชื่อว่ากล้องวงจร
ปิดเสียไปซ่อมตามคำกล่าวอ้างของผู้เป็นเจ้าของมารินสกาย มีอยู่ 4 กล้องมันจะเสียพร้อมกันหรือ ถ้าเสียจริงอย่าถามว่า ไปซ่อมร้านไหน เมื่อไร เพราะมีโซเชียลมีเดียเผยแพร่ภาพกล้องวงจรปิด ยังทำงานใช้การได้อยู่ เมื่อไม่นานมานี้ อยากกราบวิงวินผู้เห็นเหตุการณ์มาเป็นพยาน เล่าถึงเหตุการณ์ที่แท้จริงออกมาให้ความกระจ่างแก่สังคม" นางปุนยวัจนา กล่าว
มารดาเจมส์บอน กล่าวอีกว่า ได้พูดคุยกับ พล.ต.วิทยา บิดาบุตรชาย แล้วว่าคนที่ทำร้ายบุตรชาย ที่ชื่อบอล คงเป็นบุคคลที่มีอิทธิพล หรือมีผู้ใหญ่หนุนหลังอยู่แน่นอน ดังนั้นขอดำเนินคดีถึงที่สุด พร้อมขอความเป็นธรรมกับ บอล กฤษณะเจ้าของร้านกาแฟแห่งหนึ่้ง ในเชียงใหม่ ที่อุ้มลูกมาพบตนเอง ว่าถูกขู่ฆ่า ทำร้ายจากเรื่องดังกล่าว เพราะมีชื่อเหมือนบอล กฤษณะ อมิตรสูญ แฟนดารา แต่คนละนามสกุล ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย อยากให้ผู้ติดตามข่าวสารได้เข้าใจและรับรู้ความเดือดร้อนของเขา พร้อมขอบคุณที่มีผู้ให้กำลังใจทุกคนด้วย
หากอุ้ม ลักขณา จะมาพบเพื่อเยี่ยม และให้กำลังใจบุตรชายด้วยจะอนุญาตหรือไม่ นางปุนยวัจนา กล่าวว่า ถ้าคุณอุ้มมา ก็ยินดี และขอคุยกับอุ้มตรง ๆ ว่า ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ไม่ควรออกมาให้ข่าว อยากฝากบอกในฐานะที่เป็นลูกผู้หญิง ถ้าผู้ชายคนนั้น เขารักคุณจริง เขาจะเอาคุณมาเป็นเกราะกำบังกระสุนหรือ ถ้ามีการสู้รบ อุ้มก็เหมือนเป็นโล่กันกระสุนให้เขา ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ให้ผู้หญิงเดินลุยน้ำ ลุยไฟไปก่อน เพิ่งเคยเห็นบอล กฤษณะ อมิตรสูญ ทำอย่างนี้ถ้าเป็นไฮโซ หรือคนมีชื่อเสียงจริง ทำไมถึงให้ผู้หญิงออกมาปกป้อง ทำไมไม่ออกมารับผิดชอบด้วยตนเอง สังคมอยากรับรู้มากกว่า ถ้าอุ้ม ไม่ใช่ดารา บอลจะรักน้องอุ้ม หรือ จึงสงสัยว่ารักจริงหรือเปล่า เพราะความรักมันวัดอะไรกันไม่ได้ ขอให้คิดพิจารณาตรงนี้ด้วย
"อยากบอกว่าไม่มีผู้ใหญ่มาติดต่อขอเคลียร์คดี ยืนยันไม่มีแน่นอน แต่การเปิดผับหรือร้านอาหารที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีดนตรีบรรเลง ใกล้สถานศึกษาได้ ต้องมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังแน่นอน ตนเองเชื่อเช่นนั้น" มารดาเจมส์บอน กล่าวทิ้งท้าย