เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรับมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบให้ข้าราชการลาอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยไม่ถือเป็นวันลา ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)เสนอ โดย 1.ให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครบกำหนดปัญญาสมวาร 50 วัน และ สตมวาร 100 วัน คราวละ 9 วัน จำนวน 2 คราว โดยปัญญาสมวาร 50 วัน ลาสิกขา ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน - 6 ธันวาคม สตมวาร 100 วัน ลาสิกขา ระหว่างวันที่ 16-25 มกราคม 2560
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า การใช้สิทธิการลาตามข้อดังกล่าว ให้สิทธิแก่ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่เคยลาอุปสมบทระหว่างรับราชการมาแล้ว สามารถจะลาอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลตามมติ ครม.ในครั้งนี้ได้อีก และหากได้ลาอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลตามมติ ครม.ในครั้งนี้แล้ว ไม่มีผลกระทบถึงสิทธิในการลาอุปสมบทในอนาคต ซึ่งเป็นการใช้สิทธิการลาอุปสมบทครั้งแรกตั้งแต่เริ่มราชการ ตามระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2555 โดยยังคงได้สิทธิการลาอุปสมบทและยังคงได้สิทธิในการรับเงินเดือนระหว่างลาไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ตามพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. 2535 ตามปกติ
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ผู้ลาอุปสมบทจะต้องเข้าร่วมอุปสมบทในโครงการที่ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐหรือภาคเอกชนร่วมกับคณะสงฆ์จัดขึ้นเป็นโครงการอย่างชัดเจน และมีการจัดอบรมตามหลักสูตรสำหรับผู้บวชระยะสั้นที่คณะสงฆ์กำหนด ภายในระยะเวลาที่กำหนดของโครงการแต่ไม่เกิน 9 วัน หากอุปสมบทเป็นเอกเทศโดยไม่ได้เข้าร่วมโครงการตามที่กำหนด จะไม่ได้รับสิทธิในการลาตามมติ ครม. ทั้งนี้ พศ. ได้ตั้งเป้าหมาย ข้าราชการเข้าร่วมกิจกรรมอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล จำนวนไม่น้อยกว่า 6,853 คน ข้าราชการที่ประสงค์อุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล สามารถอุปสมบทได้ที่วัดพิชยญาติการาม กรุงเทพมหานคร วัดที่คณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคม และหน่วยงานภาครัฐจัดขึ้นตามสถานที่ที่กำหนดในเขตกรุงเทพมหานคร ส่วนภูมิภาค อุปสมบทในวัดที่เป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมบำเพ็ญพระราชกุศล ซึ่งสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) จังหวัด ร่วมกับคณะสงฆ์จัดขึ้นตามมติมหาเถรสมาคม