อีกทั้งขอย้ำว่า ไม่ใช่แค่กรณี น.ส.อรพิมพ์ คนเดียว ที่กองทัพเชิญมาบรรยาย หากแต่ใครก็ตามที่มีความจงรักภักดี และมีการถ่ายทอดเรื่องราวได้ดี มีข้อคิด น่าฟัง น่าสนใจ ทางกองทัพก็เชิญมาบรรยายทั้งนั้น
ส่วนการที่ น.ส.อรพิมพ์ ไปพูดพาดพิงในลักษณะว่าคนภาคอีสานลืมในหลวงนั้น จนกลายเป็นประเด็น ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น อยากให้ดูที่เจตนาของเขามากกว่า เพราะทุกวันนี้สังคมไทยยังมีกลุ่มคนที่จาบจ้วง ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็มีอยู่ ที่พบตามโลกโซเชียล และทางยูทูป ซึ่งเธอน่าจะหมายถึงคนพวกนี้มากกกว่า
"ผมอยากให้มองว่าน้องเบสเป็นผู้หญิงที่กล้า เป็นคนเก่ง ถ่ายทอดเรื่องราวได้ดี แต่การที่เธอพูดอะไรไปแล้วกระทบพาดพิงใครๆ ก็ตาม จนเป็นเรื่องเป็นราว ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เลยไม่สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรได้ แต่อยากให้มองว่า น้องเบสมีความจกรักถักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์" พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีมีข้อความป้ายผ้าระบุว่า "ขอให้เบสหยุดพูดสร้างความแตกแยก" หรือ "เหยียบย่ำหัวใจคนอีสาน" ที่สะพานลอยบริเวณถนนมิตรภาพช่วง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และเส้นทางไป จ.สระบุรี และ จ.นครราชสีมา นั้น ทีมโฆษก คสช.กล่าวว่า คสช.เป็นผู้ซึ่งรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ลดภาวะความวุ่นวาย และความแตกแยก เพื่อสร้างความสามัคคีของคนในชาติ ซึ่งการที่มีปรากฏการณ์ดังกล่าว คสช.จึงมีหน้าที่คอยตักเตือนประชาชนให้รับฟังข้อมูลในโลกออนไลน์ให้อยู่บนพื้นฐานของสติ และเหตุผล มีการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ ไม่ใช่ว่าฟังอะไรมาก็ว่าไปตามนั้น แล้วก็ไปโกรธเกลียดกัน จึงถือเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงจะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมได้