ย้อนคดีสลด พระแสง ขืนใจ-บีบคอฆ่า7ขวบ ดีเอ็นเอชี้หนุ่มใกล้บ้าน
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ ย้อนคดีสลด พระแสง ขืนใจ-บีบคอฆ่า7ขวบ ดีเอ็นเอชี้หนุ่มใกล้บ้าน
คดีล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ส่วนใหญ่คนร้ายมักเป็นคนใกล้ชิด คนในครอบครัวหรือคนข้างบ้าน เช่นเหตุการณ์สะเทือนขวัญล่าสุด ที่เกิดขึ้นล่าสุดในพื้นที่ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ที่พรากชีวิต น้อยๆ ของเด็กหญิงวัย 7 ขวบไปอย่างไม่มีวันกลับ ก็เป็นบุคคลในกลุ่มดังกล่าวข้างต้น
ย้อนกลับไปเมื่อตี 2 ครึ่ง ของวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา นายเอ (นามสมมติ) อายุ 40 ปี ซึ่งมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง เดินกลับมาที่บ้านเช่าเพื่อดูลูกสาววัย 7 ขวบ ที่ตัวเอง จำต้องปล่อยให้นอนอยู่ตามลำพังขณะออกไปรับจ้างกรีดยาง เนื่องจากเลิกรากับแม่เด็กไปนานแล้ว
พลันที่ย่างเท้าเข้าเขตบ้านเจ้าตัวก็พบความผิดปกติ เมื่อมีรองเท้าแปลกตาวางอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน ซ้ำยังได้ยินเสียงร้อง ของลูกสาว จึงรีบไขประตูหวังเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ปรากฏว่าไม่สามารถเปิดประตูได้เนื่องจากถูกล็อกอย่างแน่นหนาจากภายในห้อง นายเอทุบประตูร้องเรียกลูกเสียงดังด้วยความเป็นห่วง แต่กลับไร้เสียงตอบจากลูกสาว เขาพยายามพังประตูเข้าไป ระหว่างนั้นก็มีเสียงคล้ายคนวิ่งหนีออกประตูหลังบ้าน
เมื่อเข้าบ้านไปได้ภาพที่เห็นทำเอาเจ้าตัวถึงกับเย็นวาบ เมื่อเห็นลูกสาวนอนแน่นิ่งไม่ได้สติอยู่กลางบ้าน แต่ที่ทำให้ตกใจสุดขีดคือเด็กน้อยนอนอยู่ในสภาพเปลือยกาย ที่ตรงหว่างขามีเลือดไหลออกมา หลังตั้งสติได้นายเอพยายามเขย่าตัวเรียกแต่ก็ไม่มีอาการตอบสนอง จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลพระแสง แต่สุดท้ายหมอแจ้งว่าเด็กน้อย เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยสาเหตุเกิดจากการขาดอากาศหายใจ
ร.ต.อ.สาคร ขำนุ้ย รอง สว.(สอบสวน) สภ.พระแสง รีบรายงานเหตุร้ายให้ พ.ต.อ.ฐิติวัฒน์ สุฐิติวานิช ผกก.สภ.พระแสง รับทราบ ก่อนรายงานต่อให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ พร้อมทั้งรีบประสานชุดสืบสวนไปตรวจสอบโรงพยาบาลและบ้านที่เกิดเหตุ
ขณะที่นายเอให้การทั้งน้ำตาว่า หลังเลิกรากับแม่เด็กก็พาลูกสาวมาเช่าบ้านอยู่กัน 2 คนได้ราว 3 ปีแล้ว โดยมีอาชีพรับจ้าง กรีดยาง ทุกๆ คืนจะต้องออกไปกรีดยางตั้งแต่กลางดึก และต้องทิ้งให้ลูกสาวนอนอยู่ที่บ้านเช่าเพียงลำพัง แต่ก็ได้แวะเวียนกลับมาดูทุกชั่วโมงด้วยความเป็นห่วง กระทั่งมาเกิดเหตุร้ายขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้น พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.อนุชน ชามาตย์ รอง ผบก. พ.ต.อ. ฐิติวัฒน์ สุฐิติวานิช ผกก.สภ.พระแสง นำกำลังเจ้าหน้าที่ ชุดสืบสวน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และ สภ.พระแสง เข้าตรวจสอบในหมู่บ้านที่เกิดเหตุเพื่อติดตามกดดันคนร้าย
คดีนี้ตำรวจเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุต้องเป็นคนที่รู้ความเคลื่อนไหวของพ่อเด็ก รู้ว่าเจ้าตัวต้องออกไปกรีดยางกลางดึก ทิ้งลูกสาวไว้เพียงลำพัง ทำให้มั่นใจว่าคนร้ายที่ก่อเหตุต้องเป็นคนในหมู่บ้าน หรืออยู่ไม่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุอย่างแน่นอน ตำรวจควบคุมตัววัยรุ่นชายในละแวกใกล้เคียงนับสิบคน มาสอบสวนปากคำ ทำประวัติ และเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ
พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้าย ที่ก่อเหตุอาจจะรู้จักกับเด็กและพ่อของเด็ก โดยระหว่างที่กำลังกระทำชำเราเด็กหญิงเป็นช่วง ที่พ่อของเด็กกลับมาบ้าน จึงทำร้ายร่างกายเด็กหญิงด้วยการบีบคอ หรือเอามืออุดปากอุดจมูกเพื่อไม่ให้ร้องจนเด็กเสียชีวิต ได้เร่งรัดให้ส่งศพเด็กหญิงไปตรวจชันสูตรอย่างละเอียด ที่นิติเวชโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี รวมทั้งเก็บตัวอย่างอสุจิในช่องคลอดเพื่อตรวจดีเอ็นเอไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเปรียบเทียบกับ ผู้ต้องสงสัยที่ควบคุมตัวมาสอบสวนต่อไป
ในจำนวนผู้ต้องสงสัยที่ ตร. ควบคุมตัวมาสอบสวน จำนวน 13 รายซึ่งส่วนใหญ่พักอาศัยใกล้เคียงกับจุดที่เกิดเหตุ ได้ตรวจหาสารเสพติด พบมีสารเสพติดในปัสสาวะจำนวน 9 ราย จึงแจ้งข้อหาเสพยาเอาไว้ก่อนพร้อมส่งดำเนินคดี
เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่กระทำต่อเด็ก ทางพล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) จึงนำกำลังมาร่วมคลี่คลายคดีด้วยอีกทางหนึ่ง
ต้องรอถึง 3 วัน กระทั่งวันที่ 20 ต.ค.จึงทราบผลตรวจดีเอ็นเอที่เก็บได้จากคราบอสุจิในช่องคลอด และเล็บของเด็กหญิงวัย 7 ขวบ โดยพบว่าตรงกับ นายชัยนรินทร์ หรือ หนึ่ง กลิ่นกลอย อายุ 27 ปี ชาวบ้านซึ่งพักอาศัยอยู่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ และเป็นหนึ่งในผู้ที่ตรวจฉี่พบสารเสพติด จนถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ตำรวจขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดเวียงสระ ที่ 200/2559 ในข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตนเอง โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแก่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น และบุกรุกเข้าไปในเคหสถานในเวลากลางคืนหรือยามวิกาล โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย”
ชุดสืบสวนของ กก.5 บก.ปคม.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระแสง เดินทางไปขอตัวนายชัยนรินทร์มาสอบสวนเพิ่มเติม แม้จะมีผลดีเอ็นเอยืนยันมัดตัวแน่นหนาแต่เจ้าตัวก็ยังยืนกรานปฏิเสธ
เมื่อตรวจสอบประวัติของนายชัยนรินทร์ก็พบอีกว่าเพิ่งจะพ้นโทษคดีบุกรุกและพยายามข่มขืน โดยคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2553 ในพื้นที่ของ สภ.พระแสง เช่นเดียวกัน และถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมานี้เอง
คดีนี้เจ้าหน้าที่เน้นใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์นำการสอบสวน จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ขั้นตอนชัดเจนโปร่งใส ส่วนจะถูกจะผิดว่ากันที่หลักฐาน ให้ศาลเป็นผู้พิจารณาตัดสิน