เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๗/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธุรกิจรักษาความปลอดภัย มีรายละเอียดระบุว่า ตามที่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2558 ในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2558
ยามต้องอ่าน! “บิ๊กตู่”ยกเลิกบังคับให้รปภ.ต้องจบม.3
เนื่องจากการตราอนุบัญญัติ และการกําหนดมาตรการรองรับตามที่กฎหมายบัญญัติยังคงมีปัญหาขัดข้อง ทําให้มีผู้ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เป็นจํานวนมาก เพราะเหตุแห่งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของพนักงานรักษาความปลอดภัย ทั้งที่ประกอบอาชีพนี้อยู่แต่เดิมและที่จะเข้าสู่อาชีพนี้ในอนาคต แม้มีบทเฉพาะกาลยกเว้นหรือผ่อนผัน ไว้ให้แล้วในบางเรื่อง และหน่วยงานราชการต่างๆ ก็ให้ความช่วยเหลือในการแก้ไขข้อขัดข้องต่างๆ แต่ผลกระทบต่อความรับรู้ความเข้าใจและการปรับตัวให้เข้ากับกฎเกณฑ์ใหม่ยังคงมีอยู่
นอกจากนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินยังได้ให้ข้อสังเกตและคําแนะนํามาหลายประการ คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลจึงได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาหารือแล้วมีความเห็นร่วมกันว่า แม้เจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าว ซึ่งมุ่งจัดระเบียบธุรกิจรักษาความปลอดภัยให้ผู้ประกอบอาชีพนี้มีความพร้อมทั้งทางสมรรถนะ วุฒิภาวะ และทัศนคติ จะเป็นเรื่องที่ดีเพื่อให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้อื่น แต่จากเหตุขัดข้องในด้านความพร้อม การรับรู้ และความเข้าใจของผู้ประกอบธุรกิจ รักษาความปลอดภัยและพนักงานรักษาความปลอดภัย
รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้อง อาจมีผลให้การใช้ บังคับกฎหมายกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและประโยชน์สาธารณะได้ จึงจําเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัยพ.ศ.2558 ในบางประการ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (3) ให้เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรี ประกาศกําหนดให้ผู้บัญชาการตํารวจนครบาลเป็นกรรมการและเลขานุการ และข้าราชการตํารวจ ยศพันตํารวจตรีขึ้นไปในกองบัญชาการตํารวจนครบาลซึ่งผู้บัญชาการตํารวจนครบาลแต่งตั้งจํานวน ไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ"
ข้อ 2 ให้ยกเลิกความใน (3) ของ ก. ของมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจ รักษาความปลอดภัย พ.ศ.2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "(3) สําเร็จการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับที่ใช้อยู่ในขณะที่สําเร็จการศึกษา"
ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัยพ.ศ.2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 73 ผู้ใดประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากประสงค์จะประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยต่อไป ให้ยื่นคําขอรับใบอนุญาตตามมาตรา 16 วรรคหนึ่ง ภายในสามร้อยหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และเมื่อได้ยื่นคําขอแล้ว ให้ประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยต่อไปได้จนกว่าจะได้รับแจ้งคําสั่งไม่อนุญาตจากนายทะเบียน"
ข้อ 4 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 74 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 74 ผู้ใดเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในสังกัดของผู้ประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าประสงค์จะเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ยื่นคําขอรับใบอนุญาตตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง ภายในสามร้อยหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และเมื่อยื่นคําขอรับใบอนุญาตแล้ว ให้ประกอบอาชีพต่อไปได้จนกว่าจะได้รับแจ้งคําสั่งไม่อนุญาตจากนายทะเบียน ทั้งนี้ มิให้นํามาตรา 34ก. (3) และมาตรา 34 ข. (3) มาใช้บังคับกับบุคคลดังกล่าว"
ข้อ 5 ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้
ข้อ 6 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2559 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ขอบคุณ khaosod.co.th