GO SLOW เมื่อในหลวงทรงมีพระราชดำรัสถึงชาวอเมริกัน
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ GO SLOW เมื่อในหลวงทรงมีพระราชดำรัสถึงชาวอเมริกัน
การเสด็จฯ เยือนนานาประเทศของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงแสดงให้นานาอารยประเทศได้ประจักษ์ถึงพระจริยาวัตรอันสุขุมลุ่มลึก และปัญญาญาณอันเฉียบคม รวมถึงคุณธรรมของพระมหากษัตริย์คือทศพิธราชธรรม ที่ทรงปฏิบัติมาตลอดรัชสมัย เหตุการณ์ต่อไปนี้สะท้อนถึงพระปรีชาสามารถและพระสติปัญญาอันหลักแหลมของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่อประมุขและบุคคลสำคัญของโลก รวมถึงตอบข้อซักถามของชาวต่างชาติ จนพวกเขารู้สึกทึ่งในถ้อยพระราชดำรัสตอบ โดยไม่อาจโต้เถียงได้ สมแล้วที่สื่อมวลชนของต่างประเทศจะสรรเสริญพระองค์ว่าทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านการทูตยิ่งนัก กล่าวคือทรงมีพระปรีชาสามารถในการโน้มน้าว ในการผูกใจผู้คน และทรงมีคุณธรรมข้อมัทวะ จนเป็นที่เมตตารักใคร่ของประมุขระดับโลก ดังเช่นเหตุการณ์ต่อไปนี้
...ในบทพระราชนิพนธ์ เรื่อง “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเล่าไว้ว่า เมื่อคราวเสด็จฯ เยือนนครรัฐวาติกัน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2503 ทั้งสองพระองค์ขณะเสด็จฯ เฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 ณ พระราชวังวาติกัน เมื่อมีพระราชปฏิสันถารกับสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 นั้น ทรงคำนับพระองค์เพื่อแสดงความเคารพ แต่ปรากฏว่าสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 กลับทรงรั้งพระหัตถ์ไว้ราวกับว่ามิทรงปรารถนาจะให้ในหลวงของปวงชนชาวไทยต้องค้อมพระองค์ลงไปมากกว่านี้ เพื่อมิให้ทรงผิดต่อความเชื่อทางศาสนาของพระองค์ ซึ่งการแสดงความเคารพต่อสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 ซึ่งเป็นประมุขของชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกทั่วโลก แสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมพระองค์ เป็นคุณธรรมข้อ “มัทวะ” คือความเป็นผู้อ่อนโยนของในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างดียิ่ง แม้ว่าผู้นั้นจะเป็นประมุขของศาสนาอื่นและทรงเป็นพุทธมามกะก็ตาม
อนึ่ง สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 ก็ทรงมีพระเมตตายิ่งนักและแสดงถึงความเป็นผู้ที่ควรแก่การเคารพบูชาอย่างยิ่ง อนึ่ง เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เยือนนครรัฐวาติกันเมื่อปี 2440 ก็ทรงพระราชหัตถเลขาไปถึงสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ กรมพระยาวิชรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ว่า ได้ทรงจุมพิตพระหัตถ์ของสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 แต่ที่ทรงกระทำเช่นนั้น เพราะสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 เป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การบูชา คือมีความประพฤติสุจริตมีความสันโดษ และมัธยัสถ์
...วิลาศ มณีวัต เล่าไว้ในหนังสือ “พระราชอารมณ์ขัน” ไว้ว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเคยเล่าเหตุการณ์เมื่อครั้งกษัตริย์โบดวงแห่งเบลเยียมเสด็จฯ เยือนประเทศไทยให้ พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ ฟังว่า ครั้งนั้นกษัตริย์โบดวงได้เสด็จฯ มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการพร้อมด้วยพระบรมราชินี ระหว่างที่ประทับอยู่ในพระนครในฐานะเป็นราชอาคันตุกะนั้น ทรงมีความรักใคร่ใน ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรามาก ไม่อยากจะแยกจากกัน จึงทรงชักชวนให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเปลี่ยนศาสนา เพราะศาสนาคริสต์สอนว่าคริสตศาสนิกชนเมื่อสิ้นชีพแล้วจะได้ไปอยู่ใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้าชั่วนิรันดร
แต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำรัสตอบว่า “พระพุทธศาสนาก็เชิดชูสัจจะ คือ ความจริง สอนให้ผู้นับถือเข้าถึงความจริง และสัจจะคือความจริงนั้นย่อมมีสภาพเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผู้ปฏิบัติถูกทางแล้วย่อมจะเข้าถึงได้ ดังนั้น ถ้าคำสอนแห่งศาสนาคริสต์เป็นสัจธรรม และพระผู้เป็นเจ้ามีจริง แม้พระองค์ทรงนับถือพระพุทธศาสนาก็คงจะเข้าถึงเป็นแน่ แม้ว่าจะมีผู้อื่นคั่นอยู่ระหว่างพระองค์กับพระผู้เป็นเจ้าก็คงจะมีคนเดียว คือ องค์กษัตริย์ ผู้ทรงชักชวนพระองค์เท่านั้น” เมื่อกษัตริย์โบดวงได้สดับพระราชดำรัสก็ทรงพอพระราชหฤทัยเป็นอันมาก ถึงขนาดที่ทรงสนพระราชหฤทัยที่จะศึกษาคำสอนแห่งพระพุทธศาสนา และในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดหนังสือพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษส่งไปถวายในโอกาสต่อมา
...วิลาศ มณีวัตยังเล่าไว้ในหนังสือ “พระราชอารมณ์ขัน” ไว้อีกเรื่อง เมื่อคราวในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เยือนสหรัฐเป็นครั้งแรกในปี 2503 ครั้งนั้นผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันได้กราบทูลถามพระองค์ว่า “นี่เป็นการเสด็จฯเยือนอเมริกาเป็นครั้งแรก…ทรงรู้สึกอย่างไรบ้าง?” ซึ่งพระองค์มีพระราชดำรัสตอบว่า “ก็ตื่นเต้นที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเพราะข้าพเจ้าเกิดที่นี่…ที่เมืองบอสตัน”
ซึ่งการที่มีพระราชดำรัสตอบว่าเป็นชาวบอสตันและเป็นผู้ที่ถือกำเนิดในสหรัฐ ทำให้ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันรู้สึกใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น และไม่กล้าที่จะเสียมารยาทกราบทูลถามในเรื่องอันมิบังควร เช่น ประเด็นทางการเมือง ต่อมาผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันได้กราบทูลถามในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า จะทรงมีอะไรฝากไปถึงชาวอเมริกันโดยทั่วๆ ไป บ้าง ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรามีพระราชดำรัสกับพวกเขาว่า “คนอเมริกันดูช่างรีบร้อนกันเหลือเกิน ถ้าหากจะ GO SLOW จะทำให้มีความสุขยิ่งกว่านี้” ปรากฏว่าเช้าวันรุ่งขึ้นสถานีวิทยุในสหรัฐเกือบทุกรัฐต่างเริ่มรายการว่า “กษัตริย์จากไทยแลนด์รับสั่งฝากมาว่า GO SLOW…นับเป็นปรัชญาแบบไทยของพระองค์…ขอให้พวกเรา GO SLOW ในทุกๆ อย่าง แล้วชีวิตของคุณจะสบายดีขึ้น”
ที่มา : Posttoday.com
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!