การเสด็จฯเยือนต่างประเทศครั้งใหญ่คือ การเสด็จฯ สหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปรวม 14 ประเทศกับ 1 รัฐ ระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน ถึง 18 พฤศจิกายน 2503 เมื่อเสด็จฯแล้ว ก็ทรงต้อนรับพระราชอาคันตุกะที่เสด็จฯและเดินทางมาเยือนประเทศไทยเป็นการตอบแทน และอีกหนึ่งวันที่ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ไทยและทั่วโลก เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี และผู้แทนประมุขจาก 25 ประเทศทั่วโลก เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต
ในการถวายพระพรชัยมงคลครั้งนี้สมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี และผู้แทนประมุขจาก 25 ประเทศทั่วโลก ทรงฉลองพระองค์สง่างามเต็มพระยศ และในโอกาสดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำรัสตอบความว่า "ข้าพเจ้าใคร่จะกล่าวกับทุกคนว่า การทำนุบำรุงประเทศชาตินี้มิใช่เป็นหน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรับผิดชอบของคนไทยทุกคน ที่จะต้องขวนขวายกระทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อธำรงรักษาและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญมั่นคงและผาสุก ร่มเย็น
ข้าพเจ้าในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งจึงมีภาระหน้าที่เช่นเดียวกับคนไทยทั้งมวล จึงขอขอบใจทุก ๆ คนที่ต่างพยายามกระทำหน้าที่ของตนเองเต็มกำลังความสามารถ และให้ความร่วมมือสนับสนุนข้าพเจ้าในภารกิจทั้งปวงด้วยดีเสมอมา ทั้งขอขอบพระทัยประมุขและพระราชวงศ์จากประเทศต่าง ๆ ที่ทรงพระอุตสาหะเสด็จฯ มาร่วมในงานครั้งนี้"
นอกจากนี้ภายในงานถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ ณ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร สมเด็จพระราชธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลามมีพระราชดำรัสในนามพระประมุขและผู้แทนพระองค์ทั้ง 25 ประเทศ ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช "มีความปีติชื่นชมและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาพร้อมเพรียงกันในวันนี้ด้วยเหตุผล 2 ประการ ประการแรก ด้วยความปรารถนาเฉกเช่นเดียวกับประชาชนทุกคนในผืนแผ่นดินไทย อันทรงไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและน่าภาคภูมิใจ นั่นคือ เพื่อถวายพระพรแด่ฝ่าพระบาทและสมเด็จพระราชินี ผู้เป็นที่รักของพระองค์ ด้วยความเคารพและชื่นชมในพระบารมีเป็นล้นพ้น ตลอดจนเพื่อมอบความปรารถนาดีอย่างจริงใจให้แก่ปวงชนชาวไทยทุกคน
เหตุผลประการที่สอง ที่สำคัญเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบารมีของฝ่าพระบาท ผู้ทรงเป็นทั้งผู้นำ ผู้ให้แรงบันดาลใจ และองค์พระประมุขของประเทศ ผู้เป็นที่เคารพยิ่งของปวงชนชาวไทยทุกคน ฝ่าพระบาททรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระเจริญอยู่ในสิริราชสมบัติยาวนานที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ 60 ปีที่ทรงครองสิริราชสมบัติ มิได้เป็นเพียง 60 ปีในประวัติศาสตร์ของชาติไทย แต่เป็น 60 ปี ที่เป็นประวัติศาสตร์ของเราทุกคนเป็นประวัติศาสตร์ที่ได้ประสบทั้งสิ่งดีและสิ่งร้าย ทั้งความปลื้มปีติและความเศร้าโศก ทั้งเรื่องที่น่าตื่นเต้นยินดีและน่าสิ้นหวัง ห้วงเวลาที่ผ่านมาเป็นห้วงที่เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็วและกว้างไกลที่สุดเท่าที่เคยประสบมาในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ท้าทายการดำรงอยู่ของเราในทุกมิติ โดยเฉพาะความเป็นชาติอันธำรงไว้ซึ่งอธิปไตย ในยามที่ถูกท้าทายเช่นนี้ สิ่งที่เราเพรียกหาคือ การตัดสินใจที่ถูกต้องและเฉียบแหลม ทุกครั้งฝ่าพระบาทได้ทรงใช้พระราชปรีชาญาณ พระสติปัญญา พระวิริย อุตสาหะ ตลอดจนความองอาจและกล้าหาญที่ทรงมีอยู่อย่างท่วมท้นในการนำประเทศให้พ้นภัย ฝ่าพระบาทไม่เคยทรงอยู่ห่างไกลจากประชาชนของพระองค์ ไม่เคยมีพระราชดำริให้ประชาชนเป็นเพียงผู้ฟังคำสั่งหรือบริวาร ในทางตรงกันข้ามฝ่าพระบาททรงอยู่เคียงข้างพสกนิกรของพระองค์ และทรงร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนชาวไทยตลอดมา ฝ่าพระบาททรงทำให้ประชาชนชาวไทยทุกคนมีความภาคภูมิใจอย่างสุดซึ้งในเอกลักษณ์และมรดกตกทอดทางวัฒนธรรม อีกทั้งยังตระหนักด้วยว่า ประเทศไทยนั้นเป็นผืนแผ่นดินที่เป็นของชาวไทยทุกคนอย่างแท้จริง และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ทรงทำให้ชาวไทยทุกคนมีความเชื่อมั่นในตนเอง
ทั้งหมดนี้เป็นการขยายผลมาจากแบบอย่างความสำเร็จของฝ่าพระบาทแทบทั้งสิ้น พระปรีชาสามารถของฝ่าพระบาท เป็นศูนย์รวมแห่งแรงบันดาลใจให้แก่ประชาชนของพระองค์ตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นในด้านวิชาการ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ หรือแม้แต่การที่ทรงเป็นแบบอย่างที่เรียบง่ายของการเป็นพ่อผู้มีแต่ความรักและเสียสละเพื่อลูก ณ วันนี้ประชาคมโลกต่างตระหนักถึงความสำเร็จทั้งหลายทั้งปวงของฝ่าพระบาท หม่อมฉัน องค์พระประมุข และพระราชอาคันตุกะทุกพระองค์ที่มาพร้อมเพรียงกัน จึงมีความปลาบปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่องค์การสหประชาชาติได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์แด่ฝ่าพระบาท
พระราชกรณียกิจและความสำเร็จทั้งหมดที่กล่าวมาของฝ่าพระบาท ทำให้หม่อมฉัน องค์พระประมุขและพระราชอาคันตุกะทุกพระองค์ ณ ที่นี้ ต่างรู้สึกตระหนักได้ดีว่า เหตุใดประชาชนของพระองค์จึงได้พร้อมใจกันน้อมเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา "มหาราช" แต่หม่อมฉันตลอดจนองค์พระประมุขและพระราชอาคันตุกะทุกพระองค์ที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาร่วมงานในวันนี้ ขอถวายพระราชสมัญญาที่เรียบง่ายแต่มีค่าสะท้อนถึงความรู้สึกของหม่อมฉันและทุกพระองค์คือ ฝ่าพระบาททรงเป็นมิตรที่รักและพึงเคารพอย่างที่สุดของพวกเรา"
พระราชดำรัสที่ลึกซึ้งกินใจทำให้คนไทยทั้งประเทศรู้ได้ว่าไม่เฉพาะคนไทยเท่านั้น แต่บรรดาชาวต่างชาติ พระบรมวงศานุวงศ์ทั่วโลกและผู้นำประเทศต่าง ๆ ต่างแซ่ซ้องสรรเสริญพระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างมากล้น และในเวลานี้ที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศน้ำตานองแผ่นดิน จากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต" เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 เหล่ามิตรที่รักของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งพระบรมวงศานุวงศ์จากทั่วโลกและผู้นำประเทศต่างส่งสาส์นแสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตมาอย่างมากมาย แสดงให้เห็นถึงความรัก ความผูกพันที่มีให้กันทั้งในยามทุกข์และสุข.