อย่ากังวล"สืบราชสันตติวงศ์"
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงหลังการ ประชุมครม.ว่า กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมการเกี่ยวกับการก่อสร้างพระเมรุมาศ โดยขอพระราชวินิจฉัยจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งได้มอบหมายให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพิจารณา และให้ส่วนราชการอื่นๆ เตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเรื่องพิธีต่างๆ เตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง และสั่งการให้สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ เตรียมการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ให้เรียบร้อย เกี่ยวกับเรื่องการจัดพิธีทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าส่วนเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ ขอทุกคนอย่ากังวล เคยพูดไป 2 ครั้งแล้ว เป็นเรื่องที่ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ชัดเจน มีกฎมณเฑียรบาล และจารีตประเพณี ขอทุกคนทั้งในและต่างประเทศอย่าได้กังวล หรือสงสัยใดๆ เพราะขณะนี้มีความชัดเจนแล้ว เมื่อพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลผ่านพ้นช่วงเวลา 7 วัน 15 วัน ไประยะหนึ่ง น่าจะได้เวลาอันสมควรที่จะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 23 ต่อไป นั่นคือขั้นตอนที่รัฐบาลต้องนำเรื่องแจ้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อมีมติตามรัฐธรรมนูญ โดยระหว่างนี้รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่ามีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ชั่วคราวไปพลางก่อน เดี๋ยวจะเข้าใจอะไรกันผิดอีก
ทรงงานด้านศาสนาไว้มาก
นายกฯ กล่าวว่าส่วนเรื่องการใช้คำว่ามหาราช เรื่องนี้เป็นกฎหมาย และเป็นการดำเนินการของรัฐบาล ที่ผ่านมารัฐบาลก่อนๆ เคยเสนอไปแล้ว พระองค์ท่านทรงยังไม่เห็นชอบ พระองค์ท่านรับสั่งว่าเป็นเรื่องของประชาชนและรัฐบาลที่จะทำต่อไป ซึ่งตอนนี้ยังใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากใช้ แต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าพระองค์ทรงรับแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ส่วนการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์นั้น ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา หลายหน่วยงานมีความประสงค์ต้องการสร้างและขออนุมัติ แต่การจะจัดสร้างนั้นมีขั้นตอนอยู่แล้ว ต้องรอให้เกิดความชัดเจน เพราะทุกอย่างต้องขอพระบรมราชานุญาต ดังนั้นอย่าเพิ่งเดินหน้าเรื่องเหล่านี้ เพราะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทำถวายอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังได้หารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และหน่วยงานด้านศาสนา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศได้ทรงทำงานด้านศาสนาไว้มาก เปรียบเสมือนพระโพธิสัตว์ เหมือนในพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย
"พระบรมฯ"ทรงห่วงประชาชน
"สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร รับสั่งว่าขอให้คนไทยได้รำลึกถึงสิ่งต่างๆ ของสถาบัน และพวกเราต้องช่วยกันทำงาน เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา พระมหากษัตริย์แห่งภูฏานเสด็จฯมาแล้วเขียนคำไว้อาลัย แปลได้ความหมายว่า การสวรรคตนั้นเปรียบเสมือนการเข้าสู่นิพพาน มุ่งไปสู่การเป็นธรรมราชา" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า และตามที่มีพระราชบัณฑูรจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ให้ดูแลประชาชนไม่ให้เกิดความเดือดร้อนในเรื่องความปลอดภัย การเดินทาง สุขภาพอนามัย อาหารการกินและที่พัก ในเรื่องที่พักคงต้องมีแผนงานเตรียมการในระยะต่อไป หลังจากที่เปิดให้ประชาชนเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. ก็ต้องเตรียมการรองรับด้วยว่าประชาชนจะมาได้เท่าไหร่ และรับได้เท่าไหร่ ต้องหาที่พักและที่กินให้ด้วย ขณะนี้กำลังวางแผนร่วมกันอยู่
ชี้แจงเรื่องพระบรมฉายาลักษณ์
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงเรื่องพระบรมฉายาลักษณ์ว่า รัฐบาลไม่เคยมีคำสั่งให้ถอดพระบรมฉายาลักษณ์ออกจากสถานที่ใดๆ อาจจะมีคนเข้าใจผิด แต่สั่งการไปแล้วให้แก้ไขโดยเร็ว จะต้องไม่มีกรอบพระบรมฉายาลักษณ์ใดๆ ที่ว่างโดยเด็ดขาด ได้สั่งแก้ไขไปแล้ว รัฐบาลไม่ได้สั่ง แต่เป็นไปตามพระราชบัณฑูรที่รับสั่งมาว่าให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม เหมือนที่เคยประทับอยู่ เพียงแต่ว่าถ้อยคำบางอย่างที่เคยเขียนไว้ อาจจะต้องปรับเปลี่ยนเป็นโบ สัญลักษณ์ ผ้าดำขาว แสดงความไว้อาลัย
นายกฯ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ได้กำหนดไว้คือ พระบรมฉายาลักษณ์ที่เป็นทางการที่ทรงฉลองพระองค์สีทอง แต่ในระหว่างนี้มีพระบรมฉายาลักษณ์ใดก็ติดไปก่อน การอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ออกได้ก็ต่อเมื่อมีพระบรมฉายาลักษณ์ใหม่แล้ว อันถือเป็นการสั่งการทั้งประเทศ ไม่เคยมีคำสั่งให้เปลี่ยน แต่คำเดิมที่เขียนว่า ทรงพระเจริญ หรือ ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา ก็อาจต้องเปลี่ยนในช่วงนี้ ขอให้ทุกส่วนราชการปฏิบัติตามนี้ให้เคร่งครัด
แนะนำวิธีติด-แก้ไขข้อความ
ส่วน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่าในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนของคนไทย ที่เกิดความรู้สึกว่าทำไมจึงอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ ลงจากสถานที่ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการไปทุกหน่วยราชการว่าไม่ต้องอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ลงมา แต่ให้ประดับตกแต่งผ้าริบบิ้นสีดำและขาว แล้วปรับคำถวายพระพรต่างๆ เป็นคำแสดงความไว้อาลัยและถวายสักการะ โดยให้กระทำที่จุดเดิมซึ่งประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์
พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า เว้นแต่เป็นพระบรมฉายาลักษณ์คู่สองพระองค์ ก็ให้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ที่มีพระองค์เดียวไปประดิษฐานแทนโดยเร็ว อย่าทิ้งช่วงเวลาว่าง จึงขอให้คนไทยเข้าใจว่าทุกส่วนพยายามถวายพระเกียรติอย่างเต็มที่ ในเวลาที่บ้านเมืองอยู่ในช่วงโศกเศร้า ต้องเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน สิ่งใดที่เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ให้บอกกล่าวซึ่งกัน อย่าให้กลุ่มบุคคลเกิดความแตกแยกกัน
วัดไทยทั่วโลกบำเพ็ญกุศล
ด้านนายประดับ โพธิกาญจนวัตร โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า พศ.เปิดให้จอดรถในพื้นที่พุทธมณฑล รองรับรถได้ 1,000 คัน อีกทั้งยังให้บริการอาหาร น้ำดื่ม ห้องน้ำ สถานที่พักผ่อนสำหรับประชาชนที่มาแสดงความไว้อาลัยอีกด้วย ดังนั้น หากประชาชนที่จะมาพักที่พุทธมณฑล ขอให้เตรียมเครื่องนอนที่จำเป็นมาด้วย หากอาคารไม่เพียงพอ ประชาชนอาจจะเตรียมเต็นท์มากางบริเวณพุทธมณฑลได้ด้วย
โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กล่าวต่อว่าส่วนในวันที่ 19 ต.ค. วัดไทยทั่วโลกจะประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลสัตตมวาร (7 วัน) ตามประกาศมหาเถรสมาคม โดยที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ กทม. สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลโดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ
พระจริยวัตรขณะทรงผนวช
ที่อาคารมนุษยนาควิทยาทาน วัดบวรนิเวศวิหาร กทม. สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พรหมคุตโต) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทรงผนวชเป็นเวลา 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. ถึงวันที่ 5 พ.ย. 2499 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ ทรงได้รับฉายาว่า "ภูมิพโลภิกขุ" จากนั้นเสด็จฯ มาประทับจำพรรษาที่พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร อาตมาได้อุปสมบทในช่วงนั้น จึงได้เห็นพระราชจริยวัตรของพระองค์ขณะที่เป็นพระสงฆ์
สมเด็จพระวันรัตกล่าวว่า แม้พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ แต่ทรงเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ทรงมีพระขันติมาก ที่กล่าวว่าพระองค์ทรงมีพระขันตินั้น เห็นได้จากเหตุการณ์ที่พระองค์เสด็จฯ ไปยังพระอุโบสถเพื่อทรงทำวัตร เมื่อหันพระพักตร์ไปหน้าพระประธาน ทิศตะวันตกจะเป็นพระสงฆ์ที่มีพรรษามากกว่าพระองค์ ส่วนทิศตะวันออกนั้นเป็นพระใหม่ที่บวชตามพระองค์ พระองค์ประทับนั่งหันพระบาทไปทางทิศตะวันออก และไม่เคยหันพระบาทไปทิศตะวันตกเลย เพราะพระองค์ทรงให้เกียรติพระสงฆ์ที่มีพรรษามากกว่า พระองค์ทรงปฏิบัติเคร่งครัดในศาสนกิจทุกประการเป็นอย่างดี
ทรงปลูกต้นสักที่วัดบวรฯ
เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารกล่าวต่อว่า สิ่งที่อาตมาประทับใจขณะสนทนาธรรมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เป็นเหตุการณ์ที่อาตมาเทศน์ในงานพระราชพิธีสำคัญพิธีหนึ่ง พระองค์รับสั่งว่าอาตมาเทศน์ดี แต่คนจะฟังรู้เรื่องหรือ พระองค์จึงรับสั่งว่า "เทศน์เกี่ยวกับธรรมะดีอย่างไรคนก็ไม่ฟัง" ก่อนจะรับสั่งอีกว่า "น่าจะนำนิทานชาดกมาเทศน์แฝงธรรมะ คนถึงจะสนใจฟัง" จากนั้นเป็นต้นมา อาตมาจึงทำตามรับสั่งพระองค์มาโดยตลอด
สมเด็จพระวันรัตกล่าวอีกว่า สำหรับอนุสรณ์ที่พระองค์ทรงสร้างไว้ที่วัดบวรนิเวศวิหาร คือ ปลูกต้นสักที่พระตำหนัก วัดบวรนิเวศวิหาร ในปี พ.ศ.2499 ส่วนวัตถุมงคลนั้น พระองค์ทรงประกอบพิธีเททองพระกริ่งในปี พ.ศ.2499 ในโอกาสที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงมีพระชนมายุ 84 พรรษา เพื่อเป็นที่ระลึกให้แก่วัดบวรนิเวศวิหาร
เจ้าชายบาห์เรนถวายสักการะ
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากพระบรมมหาราชวัง เวลา 10.53 น. นางชามฉัด อัคตาร์ รองเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และเลขาธิการบริหาร คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก และคณะผู้บริหารองค์การสหประชาชาติ เดินทางมาลงนามแสดงความไว้อาลัยที่ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง
ต่อมา เจ้าชายคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ทรงเป็นพระปิตุลาในสมเด็จพระราชาธิบดีฮาหมัด บิน อิซา อัลคอลิฟะห์ แห่งราชอาณาจักรบาห์เรน เสด็จยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ทรงวางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมศพ จากนั้นเสด็จไปทรงพระอักษร และทรงลงพระนามแสดงความไว้อาลัย ณ สำนักพระราชวัง หน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
นานาชาติแสดงความไว้อาลัย
นอกจากนี้ ที่ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง ตลอดทั้งวันมีคณะทูตานุทูตจากนานาประเทศ อาทิ โปแลนด์, รัสเซีย, นิการากัว, โดมินิกัน, เอลซัลวาดอร์, ไนจีเรีย, สหภาพคอโมโรส, ฝรั่งเศส, อุซเบ กิสถาน, แอฟริกาใต้, บังกลาเทศ, สวิตเซอร์แลนด์, อียิปต์ และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ จำนวนมาก อาทิ ผู้แทนจากองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาติ ผู้แทนองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ผู้แทนคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ผู้แทนองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ เดินทางมาลงนามแสดงความไว้อาลัย
"องค์โสม"ประทานแจกอาหาร
เวลา 11.00 น. มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดยนางสายสม วงศาสุลักษณ์ กรรมการมูลนิธิ นำไก่ทอดและข้าวเหนียวแจกจ่ายประชาชนที่มาต่อแถวรอเข้าลงนามแสดงความไว้อาลัย และถวาย สักการะ บริเวณด้านหน้ากรมศิลปากร ถนนหน้าพระธาตุ ตรงข้ามประตูวิเศษไชยศรี
นางสายสมกล่าวว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในฐานะอุปนายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ทอดพระเนตรภาพประชาชนจำนวนมากที่มาเข้าแถวลงนาม จึงห่วงใยสุขภาพประชาชน รับสั่งให้นำอาหารมาแจกจ่าย โดยทรงเลือกให้เมนูข้าวเหนียวไก่ทอด ซึ่งทอดตามสูตรที่พระองค์ทรงคิดขึ้นเอง และให้นำไก่ทอดข้าวเหนียวมาปรุงแบบสดๆ ทุกวัน จากนี้จะนำมาแจกจ่ายประชาชนทุกวัน วันละ 2,000 ชุด แบ่งเป็น 2 รอบ คือเวลา 11.00-13.00 น. และช่วงเย็นเวลา 15.00 น.
"สมเด็จพระบรมฯ"เสด็จฯพิธี
ต่อมาเวลา 19.00 น. สมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี, ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี, พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ
กำหนดพระราชพิธีสัตตมวาร
สำนักพระราชวังแจ้งว่า เลขาธิการพระราชวัง รับพระราชบัณฑูรในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต จะบรรจบครบ 7 วัน ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม 2559 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดการทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ดังมีรายการต่อไปนี้
วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2559 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง
เวลา 17 นาฬิกา เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงวางพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพวงมาลาส่วนพระองค์ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ชาวพนักงานประโคมมโหระทึก สังข์ แตรฝรั่ง แตรงอน ปี่ กลองชนะ ปี่พาทย์ ทหารกองเกียรติยศพระบรมศพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นมหาเศวตรฉัตร พระสงฆ์ 30 รูป สวดพระพุทธมนต์ จบ ถวายอนุโมทนา เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ที่จะถวายพระธรรมเทศนา และสวดธรรมคาถาขึ้นนั่งยังอาสนะ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรมสมเด็จพระราชาคณะ ถวายศีล และถวายพระธรรมเทศนา จบ พระ 4 รูป สวดธรรมคาถา แล้วทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา เสด็จพระราช ดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนที่เตียงพระสวดพระอภิธรรม เสด็จพระราชดำเนินกลับ
พระราชพิธีประจำวันที่ 20ต.ค.
วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม 2559 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง
เวลา 10 นาฬิกา 30 นาที เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย และเครื่องราชสักการะกราบถวายบังคมพระบรมศพ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร พระสงฆ์ 30 รูป ที่สวดพระพุทธมนต์แต่วันก่อน สวดถวายพระพร จบ ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราช ทานฉันเสร็จแล้ว ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ที่จะถวายพระธรรมเทศนา และสวดธรรมคาถาขึ้นนั่งยังอาสนะ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม สมเด็จพระราชาคณะถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา จบ พระ 4 รูป สวดธรรมคาถา แล้วทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา แล้วทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์อีก 89 รูป เท่าพระชนมพรรษาพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา เสด็จพระราช ดำเนินกลับ
ชี้แจงกรณี"สืบราชสันตติวงศ์"
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวกรณีนายกฯ ระบุเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ ว่าเมื่อพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลผ่านพ้นช่วงเวลา 7 วัน 15 วันไปแล้วระยะหนึ่ง น่าจะได้เวลาอันสมควรที่จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 23 ว่าเป็นไปอย่างที่นายกฯ ได้อธิบาย และเป็นไปตามที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้มีพระราชปรารภตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ต.ค. และอีกครั้งเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ตอนที่นายกฯ เข้าเฝ้าฯ พร้อมกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
นายวิษณุกล่าวว่า พระองค์รับสั่งว่าเรื่องที่จะดำเนินการสืบราชสันตติวงศ์ให้รอระยะเวลา พระองค์ทรงใช้คำว่าทุกฝ่ายสามารถทำใจได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วก่อน ดังนั้นขอให้รอ เมื่อถึงเวลาอันสมควร ประชาชนคลายความทุกข์โศกลงได้บ้าง ให้พระราชพิธีต่างๆ ได้ผ่านพ้น เพราะฉะนั้นที่นายกฯ พูดถึง 7 วัน 15 วัน เป็นรอบของการที่จะมีพระราชพิธีครบรอบ 7 วัน 15 วัน 50 วัน จึงขอให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่คนไทยได้ทำสิ่งที่อยากทำกันเสียก่อนเถิด แล้วการที่จะมาทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลง ก็จะค่อยๆ เกิดขึ้นได้ ความหมายมีแค่นี้ ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อน