นายกฯแจงไม่เคยสั่งถอดพระบรมฉายาลักษณ์ ชี้ อาจเปลี่ยนคำว่า “ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา”
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ นายกฯแจงไม่เคยสั่งถอดพระบรมฉายาลักษณ์ ชี้ อาจเปลี่ยนคำว่า “ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา”
นายกฯ เผย พระบรมโอรสาธิราชฯ มีพระราชบัณฑูร ดูแลประชาชนที่มาร่วมแสดงความอาลัย ทรงรับสั่งให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม รัฐบาลขอบคุณสื่อให้ความร่วมมือถ่ายทอดพระราชกรณียกิจ แจง รัฐบาลไม่เคยสั่งถอด พระบรมฉายาลักษณ์
เมื่อเวลา 12.45 น วันที่ 18 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงข้อสั่งการเกี่ยวกับการเตรียมการระหว่างพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพว่า เรามีโอกาสได้พบกันในช่วงเวลาที่พวกเราอยู่ในช่วงของความทุกข์โศก เศร้าโศกเสียใจก็อยากให้เอาความเศร้าโศกเสียใจเหล่านี้เป็นพลังให้กับประเทศไทย คนไทยได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าจะเป็นเรื่องของการชี้แจงให้ทราบ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ตนได้ขอบคุณข้าราชการ ตำรวจ ทหาร พลเรือนและเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่าย ที่ปฏิบัติหน้าที่ถวายพระเกียรติยศให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและช่วยอำนวยความสะดวกกับประชาชนเป็นอย่างดีในทุกภาคส่วน ทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน นักธุรกิจ นิสิต นักศึกษา นักเรียน ทุกคนได้เสียสละทรัพย์ส่วนตัวในรูปของสมาคม ทั้งหมดถือว่าเป็นพลังของคนไทยที่ทำให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยในระยะแรก อาจจะมีการขรุขระบ้าง รัฐบาลก็ต้องขออภัยด้วยไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการอำนวยความสะดวก เรื่องอาหารการกิน ซึ่งในช่วงนี้ฝนตกก็เป็นห่วงประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตามที่มีพระราชบัณฑูรจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ให้มีการดูแลประชาชนไม่ให้เกิดความเดือดร้อนในเรื่องความปลอดภัย การเดินทาง สุขภาพอนามัย อาหารการกินและที่พักในเรื่องที่พักคงต้องมีแผนงานเตรียมการในระยะต่อไป หลังจากที่เปิดให้ประชาชนได้เข้าเฝ้าฯกราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม ก็ต้องเตรียมการรองรับด้วย ว่าประชาชนจะมาได้เท่าไหร่ และสามารถรับได้เท่าไหร่ ต้องหาที่พักและที่กินให้ด้วย ขณะนี้กำลังวางแผนร่วมกันระหว่างฝ่ายใน กระทรวงมหาดไทยและรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในกรณีที่หน่วยงานใดประสบปัญหาในการทำงาน หรือมีเรื่องสำคัญที่ควรรายงานรัฐบาล ทางรัฐบาลก็ได้แจ้งให้ทราบแล้วว่า เราได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ 1111 วันนี้อำนวยการในเรื่องของพระราชพิธี ในเรื่องของกิจกรรมจะได้ไม่เกิดความสับสน ส่วนการทำงานปกติก็ดำเนินตามปกติไป ตรงนี้ทำเป็นพิเศษขึ้นมาก็ได้ทำงานมาตั้งแต่วันแรก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บัญชาการศตส.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอความร่วมมือสื่อโทรทัศน์และวิทยุ ใช้เวลาในช่วง 30 วันจนถึงวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ให้เน้นเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในแง่มุมต่างๆ และประชาชนมีส่วนร่วมอย่างไร อาจจะมีการสัมภาษณ์ความรู้สึก ประสบการณ์ที่ประทับใจให้มีการถ่ายทอดในโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถ่ายทอดพร้อมกันในช่วงเสด็จพระราชดำเนินในช่วงที่พ้นเวลาเหล่านั้นแล้ว อาจจะมีรายการปกติได้บ้าง แต่ก็ควรพิจารณาให้เหมาะสม ตนได้เน้นย้ำไปว่า นำเรื่องที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ขับเคลื่อนไปด้วย เพราะรัฐบาลนี้ใช้แนวทางของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทั้งสิ้น ในการบริหาราชการคือการนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนสอดคล้องกับการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การบริหารและไปสู่เป้าอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับสหประชาชาติและของเราในยุทธศาสตร์ โดยเมื่อพ้น 30 วันไปแล้วก็จะพิจารณาจัดรายการตามความเหมาะสม ทั้งนี้ตนขอขอบคุณสื่อมวลชน สื่อโทรทัศน์ วิทยุ ที่ให้ความร่วมมือมาตลอด อยากให้เข้าใจว่ารัฐบาลไม่ได้ต้องการมุ่งหวังบังคับอะไรท่านเลย เพียงแต่ขอให้ใช้เวลาเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์สูงสุด เดี๋ยวจะเกิดปัญหาในภายหลังได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องการจราจรได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร ต้องทำงานร่วมกัน มีศูนย์บูรณาการทั้งในพื้นที่ อาทิบริเวณสนามหลวง พระบรมมหาราชวัง หรือจุดสำคัญในที่ต่างๆก็ต้องมีการให้ข้อมูลข่าวสารให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นประชาชนจะเกิดความลำบากในการเดินทางมาแต่เราห้ามไม่ได้จริง ๆ เพราะประชาชนทั้งหมดก็อยากมาถวายเข้าเฝ้าฯกราบบังคมพระบรมศพด้วยตัวเอง อยากมาทำความดีถวาย ฝนตกก็ยังมากันเลย ซึ่งก็มีแพทย์มาดูแลเรื่องสุขภาพประชาชน ในเรื่องการจราจรมีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน การจราจรปกติทั่วไป ขบวนเสด็จ ขบวนประชาชน ซึ่งมีผลกระทบด้วนกันทั้งสิ้น วันนี้ได้วางแผนแล้วได้แถลงไปเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมขอความร่วมมือด้วย ซึ่งอาจจะไม่สะดวกมาก เรื่องการจอดรถ การจราจรต้องปรับใหม่ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเต็มไปหมดไปไหนไม่ได้ เพราะคนมามหาศาล และจะต้องเตรียมแผนเมื่อสำนักราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าเฝ้าฯกราบบังคมพระบรมศพ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม ได้เตรียมการเกี่ยวกับการสร้างพระเมรุโดยขอพระราชวินิจฉัยจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งได้มอบหมายให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพิจารณาและให้ส่วนราชการอื่นๆ ได้เตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเรื่องพิธีต่างๆ เตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ตนได้สั่งการให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ให้เรียบร้อย เกี่ยวกับเรื่องการจัดพิธีทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องให้มีการชี้แจงประชาชนเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำออกพระนาม โดยการใช้ถ้อยคำภาษาที่เหมาะสม เป็นไปตามจารีตประเพณี การแต่งกาย การปฏิบัติในเวลาเข้าถวายบังคมพระบรมศพ ตลอดจนพิธีแสดงความจำนงของการมีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวาย ทั้งกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาร่วมกันระหว่างสำนักพระราชวัง และรัฐบาลที่ต้องประสาน ว่าขั้นตอนไหน เวลาไหนที่จะเหมาะสม เพื่อให้ทุกคนมีความสุขในการที่จะทำถวาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยมีคำสั่งให้ถอดพระบรมฉายาลักษณ์ออกจากสถานที่ใดๆ อาจจะมีคนเข้าใจผิด แต่ได้สั่งการไปแล้วให้แก้ไขโดยเร็ว จะต้องไม่มีกรอบพระบรมฉายาลักษณ์ใดๆ ที่ว่างโดยเด็ดขาด ซึ่งตนได้สั่งแก้ไขไปแล้ว รัฐบาลไม่ได้สั่งแต่เป็นไปตามพระราชบัณฑูร ที่ทรงรับสั่งมาว่าให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม เหมือนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงประทับอยู่ เพียงแต่ว่าถ้อยคำบางอย่างที่เคยเขียนไว้อาจจะต้องปรับเปลี่ยนเป็นโบว์ สัญลักษณ์ ผ้าดำขาว แสดงความไว้อาลัย สิ่งที่ได้กำหนดไว้พระบรมฉายาลักษณ์ที่เป็นทางการที่ทรงฉลองพระองค์สีทอง ในระหว่างนี้มีรูปอะไรก็ติดไปก่อน การจะเอาพระบรมฉายาลักษณ์ออก จะเอาออกได้เมื่อมีรูปพระบรมฉายาลักษณ์ใหม่แล้ว อันถือเป็นการสั่งการทั้งประเทศไม่เคยมีคำสั่งให้เปลี่ยน คำเดิมที่เขียนว่า ทรงพระเจริญ หรือ ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา ก็อาจจะต้องเปลี่ยนในช่วงนี้ ขอให้ทุกส่วนราชการปฏิบัติตามนี้ให้เคร่งครัด