ที่ จ.สงขลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายข้วย พุทธปาน หรือลุงข้วย เพื่อนรักและเพื่อนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และอดีตนายกรัฐมนตรี ได้เสียชีวิตแล้ว ด้วยวัย 97 ปี โดยขณะนี้ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดสระเกษ อ.เมือง จ.สงขลา โดยลุงข้วย ได้เสียชีวิตอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลสงขลา ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ในเวลา 16.15 น.ด้วยอาการปอดติดเชื้อ หลังจากที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 26 วัน และจะมีพิธีฌาปนกิจในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ เวลา 14.00 น.ที่วัดสระเกษ ซึ่งในช่วงที่ตั้งบำเบ็ญกุศลศพอยู่ที่วัดสระเกษ ได้มีหัวหน้าส่วนราชการเช่น นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจ.สงขลา และบุคคลจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเดินทางไปร่วมไว้อาลัย
นางสาวกรชลี พุทธปาน อายุ 55 ปี ลูกสาวคนเดียวของ ลุงข้วย บอกว่า ในช่วงที่ลุงข้วย ล้มป่วย พล.อ.เปรม หรือป๋าเปรม ซึ่งเป็นเพื่อนรักได้ห่วงใยโดยได้มอบหมายให้ นายบัญญัติ จันทน์เสนะ ประธานมูลนิธิเรารักสงขลาเฉลิมพระเกียรติ ช่วยดูแลตลอดทั้งขณะที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลและเรื่องของครอบครัว และหลังจากที่เสียชีวิตก็ช่วยเหลือในเรื่องของการพำเพ็ญกุศลศพให้เป็นอย่างดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง ซึ่งครอบครัวต่างซาบซึ้ง ในความมีเมตตาของป๋าเปรม ที่ดูแลพ่อมาตลอดตั้งแต่ยังมีชีวิตจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
สำหรับเรื่องราวความเป็นเพื่อนของ ลุงข้วย กับพล.อ.เปรม ทั้งสองเกิดปีเดียวกัน และเริ่มรู้จักกันตอนอายุประมาณ 7 ขวบ เพราะมีบ้านอยู่ติดกันในย่านถนนจะนะ เขตเทศบาลนครสงขลา และวิ่งเล่นกันทุกวัน เคยปั่นรถจักรยานไปส่ง พล.อ.เปรม ที่โรงเรียนด้วย
แต่เส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน พล.อ.เปรม พลเอกเปรม ขึ้นมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพกระทั่งได้เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนลุงข้วย อยู่บ้านทำงานรับจ้างทั่วไปและถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเวลา 7 ปี ก่อนปลดประจำการ และหันมายึดอาชีพถีบสามล้อรับจ้างในตลาดเมืองสงขลา และกว่า 50 ปี ที่ต้องจากกัน นับตั้งแต่ปี 2478 และมาพบกันอีกครั้งเมื่อปี 2528 และทุกครั้งที่ได้มีโอกาสพบกัน พล.อ.เปรม จะพูดคุยตามประสาเพื่อนและให้เงินใช้ทุกครั้ง และพูดจาหยอกล้อกันด้วยภาษาใต้เหมือนเมื่อตอนเด็กๆ และลุงข้วย ก็จะถีบรถสามล้อให้พล.อ.เปรม นั่งเสมอ เมื่อลงมาที่สงขลาและพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันตามประสาเพื่อน
แต่เหตุการณ์ที่เป็นนิยามของคำว่า"เพื่อนไม่มีชนชั้น" คือหลังจากที่ พล.อ.เปรม เข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และลงมาปฏิบัติภาระกิจที่วัดดอนรัก อ.เมือง จ.สงขลา ลุงข้วยก็ไปยืนรอรับเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป แต่เมื่อ พล.อ.เปรม เดินผ่านมาและเห็นก็ตรงเข้ามาหา และพูดทักทายเป็นภาษาใต้ ลุงข้วยจึงยกมือไหว้ แต่ พล.อ.เปรม พูดกลับว่า "ข้วยไหว้เราทำไมเราเป็นเพื่อนกันนะ" ลุงข้วยจึงตอบกลับไปว่า "ผมไหว้นายกรัฐมนตรี แต่ถ้าเป็นนายเปรมผมไม่ไหว้" และทั้งสองจึงสวมกอดกันด้วยรอยยิ้มท่ามกลางความปลาบปลื้มของคนทั้งวัด และกลายเป็นเรื่องราวความประทับใจที่มีการเล่าติดต่อกันมาทุกครั้ง ที่พูดถึงเรื่องราวของความเป็นเพื่อนระหว่าง ลุงข้วย กับพล.อ.เปรม
ส่วนรถจักรยานสามล้อของลุงข้วย หลังจากที่เลิกอาชีพถีบสามล้อแล้ว ลุงข้วยได้ยกให้ พล.อ.เปรม และถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่สวน สวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ สงขลา หรือสวนป๋าเปรม เพื่อเป็นอนุสรณ์ทั้งอาชีพถีบสามล้อที่อยู่คู่กับเมืองสงขลา และคำว่า เพื่อนที่ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นหรือยศถาบรรดาศักดิ์