บรรดาชาวสวนภาคใต้กำลังไดด้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาชาวสวนผลไม้ในจังหวัดภาคใต้จำนวนมากต่างกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ ไม่ว่า จะเป็นราคามังคุดที่เหลือเพียงกิโลกรัมละ 3 บาท ลองกอง กก. 6-7 บาท ทุเรียน กก. 12 บาท ขณะที่ เงาะราคาร่วงหนักจนชาวสวนต้องลดราคาขายลงเหลือ กก. 2.50 บาท
ดังนั้นบรรดาชาวสวนจึงต้องการให้ภาครัฐช่วยส่งเสริม
ทั้งรัฐบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และนักการเมืองโดยเฉพาะนักการเมืองท้องถิ่น เพื่อช่วยเหลือให้ชาวบ้านได้รับราคาผลผลิตทางการเกษตรที่เป็นธรรม เพื่อให้ลืมตาอ้าปากได้ ซึ่งราคาผลผลิตที่ชาวสวนต้องการเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้คือ มังคุดอยู่ที่อย่างน้อย กก.ละ 10 บาท เงาะ กก.ละ 7 บาท ลองกองกก.ละ 10 บาท และทุเรียน กก.ละ 20 บาท ซึ่งเป็น ราคาที่อยู่ในจุดคุ้มทุน และหากราคาที่ชาวสวนได้รับ ต่ำกว่าที่เสนอไปก็จะทำให้ขาดทุนและอาจถึงขั้นต้องโค่นผลไม้ทิ้งทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังต้องการให้หน่วยงานต่าง ๆ ปรึกษาหารือกัน
โดยอปท.ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด พาณิชย์จังหวัด และเกษตรจังหวัด เชิญพ่อค้าคนกลางรายใหญ่และผู้ส่งออก หรือตัวแทน ผู้ส่งออกมาร่วมปรึกษาหารือกับเกษตรกรในการช่วย แก้ปัญหาราคาผลผลิตให้เป็นธรรมกับเกษตรกรมาก ขึ้น ขณะเดียวกันยังเรียกร้องให้พ่อค้าคนกลางและบริษัทผู้ส่งออกใช้หลักธรรมาภิบาลในการค้าขาย โดยตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดราคาขายมังคุดในต่างประเทศจึงสูงถึง กก.ละกว่า 100 บาท ทั้งๆที่รับซื้อ จากชาวสวนเพียง กก.ละ 3 บาท
ด้านนายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า
จากการประชุมติดตามสถานการณ์ราคาผลไม้ในจังหวัดภาคใต้ พบว่าขณะนี้ราคามังคุดเกรดคละอยู่ที่ กก.ละ 7 บาท เกรดส่ง ออกอยู่ที่ กก.ละ 30-35 บาท เงาะเกรดคละ กก.ละ 6-8 บาท เงาะเกรดส่งออก กก.ละ 15-18 บาท ลองกอง กก.ละ 20-30 บาท ปัญหาเรื่องราคาผลไม้ในภาคใต้ ปีนี้เกิดจากฝนตกเร็ว ทำให้มังคุดเป็นเนื้อแก้ว ยางไหล ส่งออกได้น้อย ราคาจึงถูก ขณะที่ปริมาณผลผลิต ผลไม้ปีนี้เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเงาะมีผลผลิต 175,882 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 42% มังคุด 152,104 ตัน เพิ่มขึ้น 59% และลองกอง 189,053 ตัน เพิ่มขึ้น 111%