วัฒนาโผล่แก้ตัวคดีโกงคลองด่าน ส่อกลับไทยลงเลือกตั้งล้างมลทิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนา อัศวเหม ผู้ต้องหาคดีทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ซึ่งเป็นที่มาของ “ค่าโง่” ที่ต้องจ่ายให้บริษัทเอกชนผู้รับเหมาอีกกว่า 9.6 พันล้านบาท ทั้งที่โครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ถูกทิ้งให้รกร้าง ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ แม้จะใช้จ่ายงบประมาณไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท ที่ต่อมาศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 10 ปีตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ก.ค.51 ฐานมีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 148 เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขู่ หรือชักจูงใจให้ผู้อื่นร่วมกันออกโฉนดที่ดิน เป็นเหตุให้นายวัฒนาหลบหนีออกนอกประเทศจนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งนานกว่า 8 ปี นั้น

ล่าสุดรายงานระบุว่า นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ต้องหาตามตำพิพากษาของศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ออกหนังสือที่ระบุว่าเป็นเอกสารความจริงกรณีโครงการคลองด่าน ชื่อว่า “เอกสาร : 1ความจริงคลองด่าน ที่ไม่ใช่’วัฒนา’” เพื่อแก้ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ “โครงการคลองด่าน” เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง

หนังสือดังกล่าวมีความหนาจำนวน 214 หน้า แบ่งออกเป็น 2 ภาคคือ 1.เนื้อหาความเป็นมาของโครงการที่ริเริ่มขึ้นในปี 2531 จนถึงบทสรุปจำนวน 26 หน้า ส่วนที่สองเป็นภาคผนวก ซึ่งแสดงเอกสารต่างๆ อาทิ คำพิพากษาของศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดีหมายเลขดำที่ อม.2/2550 หมายเลขแดงที่ อม.2/2551 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ 2794/2553 หมายเลขแดงที่ 14544/2556 รายการบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัทปาล์มบีชฯ ก่อนและหลังที่บริษัท นอร์ทเทอร์นรีชอส และนายสมพร อัศวเหม รวมทั้งเอกสารสำคัญต่างๆ อาทิ โฉนดหนังสือรับรอง คำสั่งกรมควบคุมมลพิษ เป็นต้น

นายวัฒนา ระบุว่า 8 ปีที่ผ่านมาต้องอยู่กับข้อกล่าวหาและถูกดึงเข้าไปเกี่ยวพันในทุกประเด็นตั้งแต่เป็นผู้อนุมัติโครงการ เป็นผู้ขายที่ดินให้กรมควบคุมมลพิษ เป็นผู้รับเหมาโครงการ และเป็นต้นเหตุให้เกิดการบัญญัติศัพท์คำว่า “ค่าโง่” นอกจากนี้ยังระบุในหนังสือว่า เมื่อเวลาผ่านไปความจริงเริ่มปรากฏชัดมากขึ้น กระทั่งกรมควบคุมมลพิษ มีคำสั่งให้อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษและคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวมกัน 100% ของค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่นายวัฒนาอ้างในความบริสุทธิ์