ชูบิ๊กตู่ไอดอลไม่ก้มหัวให้สื่อ หมอเปรมจี้งัดม.44ปฏิรูป6ข้อ

ชูบิ๊กตู่ไอดอลไม่ก้มหัวให้สื่อ หมอเปรมจี้งัดม.44ปฏิรูป6ข้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (2 ส.ค.) นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ" ระบุว่า ไม่ได้ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มายึดตนเป็นไอดอล เพียงแต่เห็นว่า ในฐานะที่พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ได้ชื่อว่าไม่แคร์สื่อ และไม่ยอมสื่อ จนได้รับการขานรับสนับสนุนจากประชาชนอย่างกว้างขวาง จึงหวังพึ่งบารมีนายกฯ ที่จะใช้ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเป็นผู้ถือธงนำในการสร้างประวัติศาสตร์ปฏิรูปสื่อ โดยเรียกร้องให้ประกาศใช้ม.44 เพื่อปฏิรูปสื่อ พร้อมเสนอให้ตรวจสอบใน 6 ข้อ ด้วยกัน
 
โดยข้อความทั้งหมด ระบุดังนี้ 
 
"หมอเปรมขอบคุณนายกฯตู่ให้ความเป็นธรรม ชูเป็นไอดอลไม่ยอมก้มหัวให้สื่อ วอนถือธงนำปฏิรูปตรวจสอบสื่อเข้ม6ประการ
 
ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น แถลงผ่านFacebookส่วนตัวว่า ขอกราบขอบพระคุณนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยึดหลักการบริหารประเทศด้วยหลักกฎหมาย และให้ความเป็นธรรม ไม่เต้นตามสื่อและกระแสที่ยุให้ใช้มาตรา44ปลดผมพ้นจากตำแหน่ง โดยได้ให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบราชการ ซึ่งผมเองก็ยืนยันมาโดยตลอดว่าพร้อมที่จะถูกตรวจสอบตามระบบ และยอมรับผลการพิจารณาทุกประการ ไม่ใช่มาตัดสินชี้ถูกชี้ผิดข้างถนนแบบที่สื่อชี้นำให้ประชาชนเข้าใจผิด
 
การที่นายกรัฐมนตรีย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “ผมไม่รู้ เขาถอดจริงหรือเปล่าล่ะ” ผู้สื่อข่าวตอบว่า “จริง” นายกฯกล่าวต่อว่า “แล้วเธออยู่กับเขาด้วยหรือเปล่าล่ะ” นักข่าวตอบกลับไปว่า “มีพยานค่ะ” นายกฯกล่าวว่า “ถ้ามีพยานก็ไปฟ้องกันในศาล มาฟ้องอะไรผม ถ้าเธอยกให้ฉันตัดปัญหาทั้งหมดโดยใช้มาตรา 44 ทีเดียวมันก็วุ่นตาย” นั้นดร.นพ.เปรมศักดิ์ เห็นว่าเป็นบทสะท้อนว่านายกรัฐมนตรีบริหารราชการประเทศตามหลักการนิติรัฐและนิติธรรม ไม่ใช่ตามแรงยุของสื่อ และแรงยุยงจากการสร้างกระแส อันมิชอบด้วยกฎหมาย
 
ดร.นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้หวังจะให้นายกฯมายึดให้ผมเป็นไอดอลแต่ประการใด แต่ผมเห็นว่า ในฐานะที่พลเอกประยุทธ์นั้นได้ชื่อว่าไม่แคร์สื่อ และไม่ยอมสื่อ จนได้รับการขานรับสนับสนุนจากประชาชนอย่างกว้างขวาง ผมจึงหวังพึ่งบารมีนายกฯ ที่จะใช้ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเป็นผู้ถือธงนำในการสร้างประวัติศาสตร์ปฏิรูปสื่อ เพื่อประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชนสืบไป
 
โดยหัวใจของการปฏิรูปสื่อก็คือ ต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพราะสื่อมีบทบาทสำคัญไปทั่วทุกวงการ ทั้งการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ แวดวงบันเทิงดาราศิลปิน กีฬาและสารพัด ชี้เป็นชี้ตายให้กับบ้านเมืองในทุกเรื่องได้ยิ่งกว่าอาชีพอื่นใด แต่ที่ผ่านมานั้นไม่ต้องมีภาระความรับผิดชอบอันใดเลย
 
ต้องตรวจสอบอะไรข้อไหนบ้าง?
 
1.ตั้งแต่เรื่องคุณสมบัติการเข้าสู่ตำแหน่ง ต้องให้เหมือนกับวิชาชีพอื่นๆ คือต้องร่ำเรียนเขียนอ่านจบมาโดยตรง จะได้มีคุณภาพ และอบรมเรื่องจรรยามารยาทกันมาให้ดี เพราะสื่อเป็นอาชีพเดียวในประเทศไทย ที่ใครเรียนจบมาสายไหนก็มาเป็นสื่อกันได้ หรือไม่ต้องเรียนอะไรมาก็ยังมาเป็นสื่อกันได้ ก็เลยมีสื่อไร้คุณภาพอยู่เป็นจำนวนมาก
 
ส่วนองค์กรสื่อต้นสังกัด ควรต้องมีข้อกำหนดในด้านคุณสมบัติที่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติละสาธารณชนเป็นหลัก ไม่ใช่องค์กรที่แสวงหากำไร โดยไม่มีภาระรับผิดชอบต่อสังคม
 
2.ต้องมีหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานเป็นกลางเชื่อถือได้ควบคุมส่งเสริมอาชีพสื่อ สามารถให้คุณให้โทษได้ จัดสอบและให้ใบอนุญาตเมื่อผ่านการสอบและมีคุณภาพตามเกณฑ์ จัดฝึกอบรมให้ความรู้และพัฒนา(Refresh)สม่ำเสมอ สอบต่อใบอนุญาตทุกระยะ เช่น ทุก1หรือ2ปี มีอำนาจในการเพิกถอนใบอนุญาตเมื่อกระทำผิด มีกติกาชัดเจนไม่ให้พวกแกะดำทำผิดวนเวียนกลับมายึดอาชีพได้อีก รวมทั้งให้หน่วยราชการ หรือหน่วยงานที่เป็นกลางนี้สามารถลงโทษเปรียบเทียบปรับค่าเสียหาย เมื่อสื่อสร้างความเสียหายแก่ผู้ตกเป็นข่าว หรือสาธารณชน
 
ส่วนองค์กรสื่อต้นสังกัดนั้น ควรต้องมีข้อกำหนดให้มีการตั้งเงินทุนสำรองไว้กรณีที่สื่อในต้นสังกัดไปสร้างความเสียหายให้กับแหล่งข่าว หรือสาธารณชน โดยให้มากพอที่จะบรรเทาความเสียหายได้
 
3.ต้องให้องค์กรอิสระและเป็นกลาง เช่น ปปช.ตรวจสอบการเงินของผู้สื่อข่าว และองค์กรสื่อต้นสังกัดว่า ได้มาโดยชอบหรือมิชอบ เพราะที่ผ่านมานั้นมีเสียงร่ำลือเป็นอันมากว่าสื่อบางคนบางประเภทใช้ฐานันดรสี่ไปมีอภิสิทธิ์เรียกรับเงิน หรือผลประโยชน์ตอบแทน นอกเหนืออำนาจหน้าที่ สร้างความมั่งคั่งเป็นร้อยล้านพันล้าน บางครั้งกว่าจะกลายเป็นเรื่องเป็นคดีถึงโรงถึงศาล ประเทศชาติก็เสียหายไปมากมายมหาศาลเกินจะเยียวยาแล้ว ทั้งนี้ต้องให้อำนาจปปช.หรือองค์กรอิสระทำนองเดียวกันนี้ตรวจสอบสื่อต้นสังกัดด้วย
 
4.ต้องมีข้อกำหนดเรื่องไม่ให้สื่อ และองค์กรสื่อต้นสังกัด กระทำการใดอันเป็นการขัดแย้งทางผลประโยชน์(Conflict of interest) เช่น ขอค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานราชการ หน่วยงานปกครองท้องถิ่น ธุรกิจเอกชน บุคคลในแวดวงการต่างๆ แลกกับการไม่โจมตี ทำลายให้เสียหาย หรือการเชียร์การตีเมืองขึ้น ซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่สร้างความอิดหนาระอาใจให้ทุกแวดวงการมายาวนาน รวมไปถึงการจัดหาทุน จัดกอล์ฟ จัดโบว์ลิ่ง จัดทอล์กโชว์แล้วขายบัตรเรี่ยไรหน่วยงานราชการ เอกชน ประชาชนได้รับความลำบากสาหัสมานาน ตลอดจนกาลใช้โอกาสมงคลต่างๆของประเทศชาติมาแอบอ้างหาเงินค่าโฆษณา ซึ่งหน่วยงานต่างๆก็จำใจต้องให้กันเรื่อยมา ทั้งที่ไม่ได้คุ้มค่าในการจ่ายเงินโฆษณาเลยแม้แต่น้อย
 
5.ต้องมีข้อกำหนดห้ามไม่ให้สื่อ หรือองค์กรสื่อต้นสังกัด กระทำการใดๆในทางใช้อำนาจหน้าที่ของสื่อไปมีอิทธิพลในการแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนชั้นลดชั้นของข้าราชการทุกระดับ เพราะที่ผ่านมาปรากฎว่าสื่อมักใช้อำนาจอิทธิพลในฐานะให้คุณให้โทษกับใครก็ได้ ไปฝากเด็กฝากย้ายฝากแต่งตั้งฝากตำแหน่งสารพัดกับข้าราชการ โดยเฉพาะแวดวงตำรวจ และครูอาจารย์เจอหนักที่สุด พอไม่ให้ก็ใช้สื่อในมือหาเรื่องโจมตีทำลาย พอให้ก็เสมอตัว
 
รวมทั้งมีข้อกำหนดห้ามสื่อรับของขวัญของกำนัล หรือสิ่งของอื่นใด จากนักการเมือง องค์กรหน่วยงานต่างๆเกินสมควร เพื่อตัดวงจรอุปถัมภ์ที่ดำรงกันมายาวนานในวงการสื่อไทย ทั้งนี้รวมทั้งข้อห้ามไม่ให้สื่อได้สิทธิเดินทางไปศึกษาดูงาน หรือทัศนศึกษาในต่างประเทศกับองค์กรหน่วยงานต่างๆ เว้นแต่จะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน และสมควรต้องออกค่าใช้จ่ายเอง ไม่เป็นภาระแก่งบประมาณภาษีของประชาชนโดยใช่เหตุ
 
6.ต้องขจัดอิทธิพลสื่อที่ใช้ไปในทางมิชอบ และก่ออาชญากรรม ทั้งการหลบหนีภาษี ค้ายาเสพติด เปิดบ่อน เปิดสถานบันเทิงผิดกฎหมาย ตัดไม้ทำลายป่า แม้กระทั่งการติดสติ๊กเกอร์ท้ายรถว่า”ข่าว”ก็ต้องเลิกให้อภิสิทธิ์กันได้แล้ว
 
ในเมื่อยุคสมัยนี้ลูกชายผบ.ตร.ทำผิดกฎจราจรก็ต้องโดนจ่าจับ แล้วยังไม่ถึงเวลาอีกหรือที่จะเลิกให้อิทธิพลล้นฟ้าล้นแผ่นดิน ไปยันเรื่องกินเล็กกินน้อย ขี้เบ่งขี้อวดของสื่อทั้งหลายเสียที
 
ขอย้ำอีกครั้งว่าผมไม่ได้เหมารวมสื่อทั้งหมด เพราะในแวดวงสื่อด้วยกันนั้น สื่อดีๆจำนวนมากก็อิดหนาระอาใจ แมลงวันก็ยังต้อมตอมแมลงวันกันเองมาก็หลายเที่ยว แต่ยังไม่เคยมียุคสมัยใดที่จะปฏิรูปสื่อได้สำเร็จ ผมจึงหวังพึ่งบารมีของคนที่ไม่แคร์สื่อแบบบิ๊กตู่นี่แหละครับ เอาเลยไม่ดีหรือครับ ประกาศเปรี้ยงไปเลยใช้ม.44ประกาศปฏิรูปสื่อ แล้วผมอยากฟังหน่อยซิ หากท่านนายกฯประกาศปฏิรูปสื่ออย่างนี้แล้ว มีใครมั่งไม่เห็นด้วยกับ6ข้อที่ผมเสนอไปนี้..?"

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์