จากกรณีที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ได้ให้การช่วยเหลือ น้องแซม เด็กชายชาวไทยอายุ 14 ปี ที่ไปใข้ชีวิตอยู่กับแม่เลี้ยงชาวอียิปต์ในประเทศอียิปต์ตั้งแต่อายุ 7 ปี นานนับ 7 ปี โดยใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบาก ทั้งโดนทำร้ายร่างกายทนไม่ไหวต้องหางานทำเลี้ยงชีพไปวันๆ กระทั่งหนังสือเดินทางหนังสือเดินทางหมดอายุ ส่วนพ่อผู้ให้กำเนิดก็กลับมาเมืองไทยแต่งงานใหม่ ทิ้งน้องแซมไว้ จึงตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตไทย เพื่อขอกลับบ้านเมืองไทยและตามหาแม่ที่อยู่ในพื้นที่อำเภอทุ่งฝนคือนางหลิว บิลาล อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่ของไทยได้ประสานงานกันหลายฝ่าย จึงประสบผลสำเร็จ ทำให้น้องแซมและนางหลิว ผู้เป็นแม่ที่ให้กำเนิดเดินทางกลับถึงประเทศไทยและถึงบ้านเกิด อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี
เวลา 09.45 น.วั นที่ 31 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ว่า นายชยาวุธ จันทร ผวจ.อุดรธานี พร้อมด้วยเหล่ากาชาดและนายภูมิพัฒน์ ธนาสิทธิตานนท์ พัฒนาสังคมฯอุดรธานีในนามตัวแทนกระทรวงได้เดินทางไปที่บ้านแม่ของน้องแซม ซึ่งเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ พร้อมทั้งได้นำข้าวของเครื่องใช้และเงินจำนวนหนึ่งมามอบให้น้องแซม พร้อมสอบถามความเป็นไปมาของน้องแซมที่พักอาศัยอยู่ประเทศอียิปต์
สำหรับด.ช.ธนากร เพิ่งเดินกลับถึงบ้านเกิด ยังไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ทางผู้ว่าราชการและพัฒนาสังคมอุดรธานีได้พาน้องแซมไปทำบัตรประจำตัวประชาชนที่สำนักทะเบียนราษฎร อำเภอทุ่งฝน เจ้าหน้าได้ตรวจสอบหลักฐาน มีหลักฐานพร้อมทุกอย่างเพราะน้องเขาเกิดอยู่เมืองไทย
นายชยาวุธ จันทร ผวจ.อุดรธานี กล่าวว่า จังหวัดได้มอบหมายให้หน่วยการต่างๆเข้ามาช่วยครอบครัวของน้องแซม เพราะน้องมีปัญหาเรื่องภาษาและจะต้องให้การศึกษาและแนะอาชีพการปรับตัวเข้ากับสังคม
น้องแซม กล่าวว่า ตนดีใจมากที่ได้กลับบ้านเกิดที่ตนพอจำได้ ตนอยู่นั้นลำบากมาก หลังจากพ่อชาวอียิปต์ไปฝากไว้กับแม่เลี้ยงได้อยู่ประมาณ 3 ปี ถูกแม่เลี้ยงกักขังและเฆี่ยนตี ตนทนไม่ได้จึงหลบหนีออกออกบ้านมาหางานทำตามร้านอาหาร เก็บโต็ะเก้าอี้ทำงานพอเลี้ยงชีพไปวันๆ และขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกหน่วยงานที่ช่วยให้ตนกลับถึงเมืองไทยบ้านเกิดพร้อมมีหลักฐานบัตรประชาขนเป็นคนไทยเต็มร้อย
นางหลิว แม่น้องแซม กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ทางเอกอัครราชทูตไทยและเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายให้การช่วยลูกชายน้องแซมได้กลับมาถึงบ้านเกิด ตนและน้องแซมพร้อมด้วยสามีใหม่คือนายรุ่งวิไล พิลาแดงได้เดินมาถึงบ้านเกิดบ้านทุ่งใหญ่ในช่วงเวลาประมาณตีสองเมื่อคืนที่ผ่านมาดีใจมากที่ได้น้องกลับคืนมาอยู่ด้วยต้องห่างกันถึง 8 ปี ตนดิ้นรนทุกอย่างตามที่มีช่องทางจะได้ลูกกลับมาอยู่ด้วย หลังจากตนแยกทางกับสามีเก่าก็มาแต่งงานใหม่อยู่ด้วยกับกับสามีคนไทยประมาณ 10 กว่าปี
ช่วงเวลาที่ลูกไปอยู่ประเทศอียิปต์ตอนแรกก็ติดต่อกับลูกได้แต่ช่วงหลังติดต่อกันไม่ได้เลย เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ตนดีใจมากที่จะมีลูกชายมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยตอนแรกก็คงมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับพ่อคนไทย จะมีเพียงตนเท่านั้นสื่อสารได้ และตนมีความประสงค์จะเปลี่ยนนามสกุลกลับคืน เป็นนามสกุล นาคหงส์
นายรุ่งวิไล พิลาแดง กล่าวว่า ตนไม่มีปัญหาเกี่ยวกับน้องแซมอย่างแน่นอน เพราะตนเคยเลี้ยงน้องแซมมาก่อนที่พ่อเขาจะรับไปอยู่ที่ต่างประเทศ และตนไม่มีลูกเลยสักคน น้องแซมคือลูกของตนคนเดียว อาจจะมีปัญหาเรื่องภาษาเท่านั้น ในช่วงแรก ไม่นานคงปรับตัวสื่อสารกันได้มากยิ่งขึ้น