เมียวางแผนเยี่ยมผัวติดคุก ก่อนช่วยพาหนีระทึก สุดท้ายไม่รอดโดนจับคาแท็กซี่ เผยผัวติดคุกคดีค้ายาบ้า 2 หมื่นเม็ด ขณะอยู่ในเรือนจำเกิดป่วยเป็นมะเร็งช่องปาก ผู้คุมจึงส่งรักษาที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ แล้ววางแผนให้เมียกับญาติเข้าเยี่ยม นำเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนหนีออกมาตามทางหนีไฟ ขึ้นรถขับหนีไปเจอน้าชายที่อ.สามพราน เปลี่ยนรถเรียกแท็กซี่ให้พาเข้าตัวเมืองนครปฐม แต่ตำรวจตาไวตั้งด่านจับได้ในที่สุด ส่งไปรับโทษต่อ พร้อมดำเนินคดีกับเมียและน้าชายที่ช่วยพาหนีด้วย
เมื่อ วันที่ 25 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุภรรยาและญาตินักโทษคดียาเสพติดบุกชิงตัวผู้ต้องหาหลบหนีขณะถูกส่ง ตัวมารักษาโรคมะเร็งที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ถนนพระราม 6 เขตปทุมวัน กทม. แต่สุดท้ายหนีไม่รอดถูกตำรวจสกัดจับได้ทั้งหมด
คดีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 24 ก.ค. พ.ต.ท.สุธี วรรณสูตร รอง ผกก.ป. สภ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ได้รับการประสานจากนายกิตติพัฒน์ เดชะพหุล ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม รักษาการผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ ว่ามีผู้ต้องขังคดีจำหน่ายยาเสพติดของทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ชื่อนายบัญชา รัตนวงค์ อายุ 33 ปี หลบหนีขณะถูกส่งตัวมารักษาโรคมะเร็ง ช่องปากที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ถนนพระราม 6 เขตปทุมวัน กทม. โดยคาดว่าใช้เส้นมุ่งหน้าไปที่จ.นครปฐม เพื่อเดินทางหลบหนีกลับบ้านที่จ.กาญจนบุรี โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ติดตามไปจับกุม
ภายหลังรับ แจ้งจึงรายงาน พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ชูนาค รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม แล้วนำกำลังตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปราม ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณหน้าปศุสัตว์จังหวัดนครปฐม ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม ต่อมาพบรถแท็กซี่โตโยต้า สีเขียวเหลือง หมายเลขทะเบียน มจ 3320 กทม. ขับผ่านด่านตรวจและเจ้าหน้าที่สังเกตผู้โดยสารที่นั่งมามีลักษณะคล้ายกับผู้ ต้องขังที่หลบหนี จึงเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบ พบนายบัญชานั่งอยู่พร้อมกับน.ส.ธิดารัตน์ ฟักทอง อายุ 19 ปีภรรยา และนายประกิจ มานพ อายุ 45 ปีชาวจ.กาญจนบุรี จึงควบคุมตัวไว้ส่งสอบสวนดำเนินคดี ส่วนคนขับรถแท็กซี่ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจึงปล่อยตัวไป
จากการสอบสวนนายบัญชาให้การว่า น.ส.ธิดารัตน์ ภรรยาพร้อมกับญาตินำเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน เพื่อหลบหนีออกจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ โดยนัดเจอกับนายประกิจซึ่งเป็นน้าชาย ในพื้นที่ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม จากนั้นขับรถหลบหนีมาตามถนนเพชรเกษมจนถึงปากทางหน้าวัดไทร อ.นครชัยศรี จึงเรียกรถแท็กซี่ที่ขับผ่านมาหวังเปลี่ยนรถหลบหนีกระทั่งเจอด่านตรวจของ เจ้าหน้าที่ในที่สุด
พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางแจ้งว่านายบัญชาผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ หลบหนีจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่ คาดจะใช้เส้นทางผ่านนครปฐม ซึ่งมีการให้ความช่วยเหลือ จากครอบครัว หลังน.ส.ธิดารัตน์ซึ่งเป็นภรรยาพร้อมญาติๆ ขอเข้าเยี่ยม จากนั้น ผู้ต้องหาทำทีขอเข้าห้องน้ำแล้วหลบหนี เบื้องต้นได้ส่งตัวนายบัญชาดำเนินคดีฐานหลบหนีระหว่างถูกคุมขังตามอำนาจของ ศาล ส่วนน.ส.ธิดารัตน์และนายประกิจตั้งข้อหากระทำด้วยประการใดให้ผู้ที่ถูกคุม ขังตามอำนาจของศาลหลุดพ้นจากการคุมขังไป
ขณะที่นายกิตติ พัฒน์ระบุว่า นายบัญชาเป็นนักโทษคดียาเสพติดที่เจ้าหน้าที่ป.ป.ส. จับกุมพร้อมของกลางยาบ้า 2 หมื่นเม็ด ถูกส่งมาจำคุกที่เรือนจำได้ระยะหนึ่งแล้ว จากนั้นเกิดป่วยเป็นมะเร็งที่ปาก ผู้คุมจึงนำส่งรักษาที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติหลายวันแล้ว จนช่วงเย็นวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมานักโทษใช้เส้นทางหนีไฟสถาบันมะเร็งแห่งชาติหลบหนี จึงจัดชุดผู้คุมออกติดตาม พร้อมประสานตำรวจนครปฐมสกัดจับนายบัญชาไว้ได้ก่อนส่งไปรับโทษต่อ พร้อมดำเนินคดีกับภรรยาและน้าชายของนักโทษด้วย ข้อหาร่วมกันพานักโทษหลบหนีตามกฎหมายต่อไป