เปรตกู้รอดคุก ให้รอลงอาญา

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 ส.ค. ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายกิตติ ประภัสโรบล หรืออาจารย์กู้ หรือเปรตกู้ อายุ 62 ปี

ในความผิดฐาน กระทำการด้วยประการใดๆ แก่วัตถุอันเป็นที่เคารพในศาสนาของหมู่ชนใด อันเป็นการเหยียดหยามศาสนา โดยช่วงปี 2539 นายกิตติแต่งกายเป็นพระภิกษุสงฆ์ ยืนทำท่าเลียนแบบพระพุทธรูปปางห้ามญาติ และหลวงปู่แหวนสุจินโณ โดยใช้เท้าเหยียบที่ฐานพระพุทธรูปขณะทำท่าล้อเลียน จำเลยให้การปฏิเสธ  


สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 44
 
เห็นว่ากระทำผิดจริงตามฟ้อง ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 6,000 บาท คำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ปรับ 4,000 บาท

จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน และมีภาระต้องเลี้ยงดูบุตร

ศาลให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ต่อมาวันที่ 14 มี.ค.46 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับให้ยกฟ้อง โดยเห็นว่าเป็นเพียงการกระทำที่ไม่เหมาะสมเท่านั้น 


แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย

ปรากฏว่านายกิตติไม่เดินทางมาศาลตามนัด ศาลเห็นว่า เมื่อจำเลยได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว แต่มีเจตนาไม่มาฟังคำพิพากษา โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร มีคำสั่งให้ออกหมายจับนายกิตติ มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้งในวันที่ 10 ก.ย.นี้
  

ต่อมาเวลา 12.30 น. นายกิตติได้เดินทางมารายงานตัวต่อศาล

ที่ห้องพิจารณาคดี 912 อ้างว่าไม่ได้รับหมายนัดของศาล แต่เมื่อช่วงเช้าได้รับทราบข่าวทางวิทยุว่าถูกศาลออกหมายจับ จึงรีบมาศาลทันที ศาลเห็นว่า เมื่อจำเลยมายืนยันต่อหน้าศาล ไม่มีเจตนาหลบหนี ให้ยกเลิกหมายจับ 
 

จากนั้นได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกามีใจความว่า

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่จำเลยแต่งกายเป็นพระภิกษุ ใช้เท้าข้างหนึ่งยืนอยู่บนฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติ โดยเท้าของจำเลยอยู่บนส่วนหนึ่งของพระพุทธรูป ยกมือขวาขึ้นเลียนแบบพระพุทธรูป ส่วนใบหน้าแสดงท่าทางล้อเลียนถลึงตาอ้าปาก

นอกจากจะไม่เป็นการเคารพพระพุทธรูป ยังแสดงตนเสมอพระพุทธรูป

เป็นการกระทำอันไม่สมควร เป็นการดูหมิ่นพุทธศาสนา ส่วนที่จำเลยอ้างว่าไม่มีเจตนาดูหมิ่น เนื่องจากไปรักษาผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง โดยทำพิธีเพ่งรวมอำนาจจิต ทำให้ลอยไปยืนบนฐานพระพุทธรูป หรือเหตุที่ต้องถลึงตาอ้าปาก มาจากการกลั้นลมหายใจ เพื่อรวบรวมพลังจิต เป็นข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผล จึงมีความผิดตามคำฟ้อง 


พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า

จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 206 ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้จำคุก 1 ปี ปรับ 6,000 บาท คำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ปรับ 4,000 บาท จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน และมีภาระต้องเลี้ยงดูบุตร ศาลให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี 


นายกิตติเปิดเผยว่า

ตอนนี้รู้สึกโล่งอก และรู้สึกดีใจที่ได้เป็นอิสระ จากนี้จะกลับไปขับรถแท็กซี่ และขายของเพื่อเลี้ยงดูบุตรต่อไป ส่วนโทษจำคุกที่ศาลรอลงอาญาไว้ 2 ปีนั้น ได้ครบกำหนดไปแล้ว ส่วนค่าปรับนั้นได้ชำระไปแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไปก่อนหน้า ทำให้รู้สึกเป็นอิสระเสียที 


สำหรับนายกิตติ หรืออาจารย์กู้ ยังเคยถูก พ.อ.นพ. พงศักดิ์ ตั้งคณา นักพูดชื่อดัง ยื่นฟ้อง ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

กรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า พ.อ.นพ.พงศักดิ์เป็นผู้ว่าจ้างให้ถ่ายทำวีดิโอบันทึกภาพผีเปรตที่ อ.คำชะโนด จ.อุดรธานี เพื่อหลอกลวงผู้อื่น

โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 ส.ค.47 ว่าจำเลยมีความผิดจริง ให้จำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ปรับ 15,000 บาท จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี เช่นกัน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์