โดย น.ส สุกัญญา เปิดเผยว่า โดยตนเป็นเพื่อน น.ส.จันทิรา หรือ แอม กิ่งสุคนธ์ ตั้งแต่เรียนมัธยม ย่านลาดพร้าว และเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกัน และมีการชักชวนให้ร่วมลงทุน ทำเสื้อผ้าแนวเกาหลีและเสื้อผ้าคู่ บางครั้งจะนำเข้ามาจากเกาหลี โดยเปิดร้านชื่อ Feb14 อยู่ที่ตลาดสวนปิ่นเงิน-ปิ่นทอง มีอยู่ 7 ล็อคย่านปิ่นเกล้าและที่สวนจตุจักร โดย "แอม" ได้บอกว่าขายเสื้อผ้ามีออเดอร์ เป็นจำนวนมาก และขอให้ร่วมทุนโดยจะให้ผลตอบแทนจากเงิน ที่ลงทุนไปจำนวน 10 เปอร์เซนต์จากที่ลงทุนไป โดยเริ่มจากมีการยืมเงินไประยะสั้นๆ ก่อนที่จะชวนลงทุนและมีผลตอบแทนคืนให้ จึงเริ่มลงทุนไปจำนวน 50,000 บาท ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผลตอบแทนการโอนตรงทุกเดือน และต่อมามีการลงทุนเพิ่มจากหลักหมื่นเป็นหลักแสน ซึ่งตนก็ไว้ใจได้เดินทางไปดูที่ร้านและพบว่ามีหน้าร้านจริงและจากห้องล็อคเดี่ยวก็เพิ่มขึ้น และมีการขยายไปยังที่ตลาดจตุจักรด้วย
กระทั่งวันที่ 6 ก.ค.ไม่มีการโอนเงินเข้ามา และมีข่าวว่า ทั้งคู่ได้หายตัวไปและไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งตอนแรกเพื่อนๆ กังวลว่าจะเกิดอันตรายกับทั้งสองคน เพราะก่อนหายไป ยังมีเพื่อนพบที่วิลล่าแห่งหนึ่ง ก่อนที่ ต้า จะเดินทางกลับมาที่คอนโด และมีคนพบว่าขึ้นแท็กซี่ออกไปจากคอนโด และหายไปจากนั้น ทำให้ทุกคนกังวลว่าเพื่อนจะเป็นอันตราย ก็ช่วยกันตามหา และทราบถึงญาติ ตอนนั้นก็ยังไม่มีใครบอกครอบครัวว่ามีปัญหาเรื่องหนี้สินอย่างไร
"ตอนที่หายไป พวกเพื่อนได้ช่วยกันตามหาและยังตัดสินใจอยู่ว่าจะพูดหรือไม่พูดเรื่องความลับของเพื่อน จนสุดท้ายก็ตัดสินใจบอกครอบครัว เพราะไม่ทราบว่า มีการไปยืมเงินใครมาอีกบ้าง กลัวว่าจะเกิดปัญหาอุ้มฆ่าหรืออย่างอื่น ซึ่งเริ่มต้นจากความเป็นห่วงเพื่อน จนมีการมาคุยกับเพื่อนคนอื่นๆ เลยทราบว่า มีการยืมเพื่อนคนอื่นๆ อีก จนทราบว่า ยอดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง 5 แสน 7 แสน 2 ล้าน จึงคิดว่าเรื่องไม่ธรรมดาแน่ๆ และไม่ทราบว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ จึงไม่อยากให้เพื่อนที่เคยเป็นคนดีกลายเป็นคนเลว จึงอยากให้เขากลับมา ส่วนครอบครัวก็อยากให้กลับมาเพื่อจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้น"
น.ส สุกัญญา กล่าวว่า คืนก่อนต้าติดต่อมาทางแม่นมของครอบครัว ว่า สบายดี ฝากบอกครอบครัวด้วย ไม่ได้บอกมากกว่านี้ จนเมื่อมีการออกข่าวตามหาตัว ก็มีคนเข้ามาแจ้งเบาะแส ว่า เขาสบายดีพบว่ามานวดที่ร้าน จึงทราบว่า อยู่ จ.เชียงราย จากตอนแรกสืบทราบว่า แท็กซี่ไปส่งที่สายใต้ ทำให้คิดว่า มีการหนีอะไร เบื้องต้น ทราบว่าเพื่อนไม่ได้เล่นบอล แต่ทราบว่าเล่นแชร์ในตลาด โดยที่ผ่านมา ทั้งสองคนจะไปเที่ยวอยู่บ่อยๆ ซึ่งทั้งสองคนน่าจะรับรู้ร่วมกันในสิ่งที่ได้ทำไป ทั้งนี้ กลุ่มเพื่อนกลัวว่าเงินที่ลงทุนไปจะสูญ เพราะ ตนก็ไปยืมเค้ามาอีกทีหนึ่ง และต่อมาได้มีการพูดคุยกับทางกลุ่มเพื่อน ก่อนที่เข้าแจ้งความ ให้ติดตามตัว น.ส.มลวดี หรือต้าร์ กาญจนนัมพร อายุ 32 ปี และน.ส.จันทิรา หรือแอม กิ่งสุคนธ์ อายุ 32 ปี มาดำเนินคดี
โดยเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ พบว่าทั้งหมดเป็นเพื่อนกันมีการให้ร่วมชักชวนในการลงทุน ทำร้านเสื้อผ้าแนวเกาหลี พบว่าเป็นการฉ้อโกงและ พ.ร.ก.การกู้เงิน ที่เป็นการกู้เงินประชาชน และก็จะออกหมายเรียกมาพบพนักงานสอบสวนหลังจากที่ทำการสอบสวนผู้เสียหายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับผู้เสียหายทั้งหมดเข้าแจ้งความ เป็นกลุ่มเพื่อนของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน
สำหรับ 2 ผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมาได้มีการแชร์รูปของทั้ง 2 คน ที่หายตัวไป ในทางโซเชี่ยลจำนวนมาก โดยระบุว่า ทั้ง 2 คน หายไปนานเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว ยังไม่รู้ชะตากรรม โดยเฟซบุ๊กคุณ Toktak A4 ได้โพสต์ภาพหญิงสาวคู่หนึ่งแล้วระบุว่า "รบกวนด้วยนะคะ ช่วยแชร์ช่วยหาด้วยนะคะ เพื่อนแม่หมอเอง ต้าร์กะแอมหายตัวไปตอนนี้แจ้งความแล้ว ใครพบเห็นแจ้งกลับมา"
ต่อมา มีการติดคุณปรีชา ลือสายวงษ์ ระบุว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความจริง โดยผู้สูญหายทั้งสองคนคือน.ส.มลวดี หรือต้าร์ กาญจนนัมพร อายุ 32 ปี (ผมสั้น) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับตน และน.ส.จันทิรา หรือแอม กิ่งสุคนธ์ อายุ 32 ปี ทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน พักอยู่ที่คอนโดชื่อเดอะทัช ย่านปิ่นเกล้า กทม. ทั้งคู่มีอาชีพขายเสื้อผ้าอยู่ที่จตุจักร แต่เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็ไม่มีใครติดต่อทั้งคู่ได้เลย อยู่ๆก็หายไปเฉยๆ
ญาติพี่น้องเอะใจตรงที่ปกติ ต้าร์จะโพสต์เฟซบุ๊คตลอดเวลา ไปไหนมาไหน กินข้าวที่ไหน ไปเที่ยวที่ไหน โพสต์อัพเดตข้อมูลให้เพื่อนๆดูตลอดเวลา แต่จู่ๆ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ก็หายไปเลย เงียบหมดทั้งเฟซบุ๊คทั้งไลน์ เพื่อนๆญาติๆพยายามติดต่อทางมือถือก็ปิดเครื่อง ส่งไลน์ไปก็ไม่อ่าน ไม่ตอบ ในเฟซบุ๊คก็ไม่มีข้อความอะไรโพสต์เลยตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. เงียบสนิท ทุกคนพยายามตามหาตาร์กับแอมก็ไม่มีใครเจอ" และมีการแจ้งความไว้ที่ สน.บางยี่ขัน
ล่าสุดพบว่าทั้งคู่ ได้มีการติดต่อกับทางญาติแล้วและบอกว่าไปเที่ยวภาคเหนือกันมา และวันนี้ ได้มีผู้เสียหายจากกรณีแชร์ลูกโซ่ ได้เดินทางเข้าแจ้งความว่าทั้งคู่ได้โกงเงินไป