บรรยินส่งจดหมายถึงสื่อ จ่อฟ้องเสนอข่าวบิดเบือน!

"จากกรณี พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป. บุกจับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ลานจอดรถโรงแรมทอซคาน่า สวีท วัลเลย์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตามหมายศาลจังหวัดพระโขนง ฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน หลังมีหลักฐานพบว่า พ.ต.ท.บรรยิน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน จากเหตุรถยนต์ที่ขับโดย พ.ต.ท.บรรยินพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ในพื้นที่ของ สน.อุดมสุข ทั้งนี้ ในขณะจับกุมยังพบ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล หรือป้อนข้าว โบรกเกอร์สาวหนึ่งในผู้ต้องหาคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย อย่างไรก็ตาม ศาลได้ให้ประกันตัว พ.ต.ท.บรรยิน ในวงเงิน 2 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ต.ท.บรรยิน เปิดเผยว่า ได้ส่งจดหมายแบบลงทะเบียนตอบกลับไปถามยังสำนักพิมพ์ต่างๆ ยกเว้นหนังสือพิมพ์มติชน ที่จะไม่ทำการฟ้องร้อง ในส่วนของสื่อโทรทัศน์ที่ตนส่งจดหมายแบบลงทะเบียนกลับถามนั้น ก็มีอาทิ สปริงนิว ช่อง 8 ฯลฯ โดยการส่งจดหมายแบบลงทะเบียนไปนั้น ทางสื่อจะอ้างไม่ได้ว่าไม่ได้รับ โดยจะให้เวลา 5 วันในการตอบกลับ หากไม่ตอบกลับ จะฟ้องร้องทันที

ส่วนที่ตอบกลับมาจะพิจารณาอีกครั้ง ถ้าสมเหตุผลจะไม่ดำเนินการยื่นฟ้อง แต่ถ้าไม่สมเหตุผลก็จะดำเนินการยื่นฟ้อง ทั้งนี้ ตนมีพยานหลักฐานเอาผิดในการนำเสนอข่าวทั้งของตำรวจและสื่อมวลชนครบถ้วนก่อนหน้านี้พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอของเด็กอายุ 3 เดือน ที่พบในบ้านของ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาว ว่าตรงกับของตนเองนั้น เรื่องนี้เป็นการนำเสนอข่าวที่ยังไม่ตรงกับความเป็นจริง และไม่ทราบว่าใครออกมายืนยันผลดังกล่าว และข่าวที่ปรากฏเป็นเพียงการรายงานข่าวเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกเข้าใจว่าเด็กเป็นลูกของตนเองกับ น.ส.อุรชา ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างให้ทางทนายความรวบรวมหลักฐาน และสอบถามไปยังสื่อต่างๆ เพื่อที่จะฟ้องร้องสื่อที่ลงข่าวนี้ต่อไป

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเชื่อว่า เป็นดิสเครดิตความน่าเชื่อถือของตนเองทางคดีความ และเป็นการกดดันเจ้าหน้าที่อัยการ เพื่อเร่งให้มีการสั่งฟ้องคดีโอนหุ้น ซึ่งสำนวนอยู่ในชั้นอัยการ และยังอยู่ในขั้นตอนให้พนักงานสอบสวน กลับไปดำนินการสอบสวนเพิ่มเติม"