สลดภาพขังดญ.-ดช.ร่างกาย ถูกพ่อทำร้าย เพราะเหตุนี้

สลดภาพขังดญ.-ดช.ร่างกาย ถูกพ่อทำร้าย เพราะเหตุนี้


สื่อสังคมออนไลน์แชร์ภาพเด็กหญิงชายสองพี่น้องหาดใหญ่ ถูกพ่อกักขังและทำร้ายร่างกาย พ่อยอมรับขังและลงโทษหนักจริง เพราะเด็กดื้อและต้องออกไปทำงานในตอนกลางคืน เพราะแยกทางกับภรรยามา 4 ปี วอนสังคมเข้าใจ เจ้าหน้าที่นำตัวไปตรวจสารเสพติด แต่ไม่พบ พร้อมยื่นมือช่วยเหลือครอบครัวนี้

สลดภาพขังดญ.-ดช.ร่างกาย ถูกพ่อทำร้าย เพราะเหตุนี้


จากกรณีสังคมออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพเรื่องราวของ 2 พี่น้อง เด็กหญิงอายุ 9 ขวบ และเด็กชาย 6 ขวบ ระบุว่าถูกพ่อกักขังไว้ภายในบ้านหลังหนึ่ง ในเขตเทศบาลตำบลควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และยังทำร้ายร่างกาย พร้อมกับโชว์ภาพรอยฟกช้ำที่ตัวเด็ก เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและเข้าช่วยเหลือเด็กทั้งสองคน

พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผกก.สภ.หาดใหญ่ นายภัทรดนัย อุทัยรัตน์ ปลัดอำเภอหาดใหญ่ ฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว พร้อมกับเชิญตัวผู้เป็นพ่อ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 37 ปี มาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ สภ.หาดใหญ่

สลดภาพขังดญ.-ดช.ร่างกาย ถูกพ่อทำร้าย เพราะเหตุนี้


โดยผู้เป็นพ่อปฏิเสธว่า ไม่ได้กักขังทรมานหรือทำทารุณกรรมลูกทั้งสองคนแต่อย่างใด แต่เหตุที่ต้องขังลูกเอาไว้ในบ้าน เพราะความจำเป็น เนื่องจากตนต้องออกไปทำงานเป็น รภป. ในตอนกลางคืน และไม่มีใครดูแลลูก เพราะเลิกรากับภรรยามาแล้ว 4 ปี โดยให้ลูกอยู่ในบ้านมา 2 ปี ส่วนเหตุที่ต้องตีลูก เพราะบางครั้งเด็กดื้อและไม่ต้องการให้ออกไปนอกบ้านเวลากลางคืน

"ยอมว่าบางครั้งก็มีการลงโทษรุนแรงเพราะเครียดสะสมจากเรื่องงาน ทั้งนี้ในช่วงเย็นระหว่างที่ผมไม่อยู่ มีเจ้าของบ้านเช่าและเพื่อนบ้านที่อยู่รอบๆ หลายคนมีน้ำใจช่วยมาดูแลลูก และเอาอาหารมาให้บ้าง และย้ำว่าคนเป็นพ่อลูกก็คือหัวใจ แต่ผมไม่เข้าใจคนที่มาถ่ายรูปแล้วนำไปแชร์กันในสังคมออนไลน์นั้นต้องการอะไร เพราะหลังจากที่เรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ทำให้ผมต้องเป็นจำเลยสังคม และเป็นคนใจดำทำร้ายลูกตัวเอง"

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันพูดคุยและทำความเข้าใจกับผู้เป็นพ่อเกี่ยวกับการดูแลลูกทั้งสองคน โดยเฉพาะทำโทษเพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก ก่อนที่จะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลหาดใหญ่ เพื่อตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ ซึ่งผลการตรวจก็ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังตรวจสภาพจิตใจด้วย และไม่ได้ดำเนินคดีใดๆ กับพ่อ

เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เดินทางไปพบเด็กทั้งสองคนที่โรงเรียน เพื่อประเมินทั้งสภาพร่างกายและจิตใจของเด็กว่า หวาดกลัวหรือต้องการความช่วยเหลือในด้านใดบ้าง เบื้องต้นยังคงให้ทั้งพ่อและลูกอยู่ด้วยกันต่อไป และทางเจ้าหน้าที่จะเข้าไปเยี่ยมเยียน และติดตามสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้อย่างต่อเนื่อง

Cr.khaosod

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์