บรรยากาศที่วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน เป็นไปด้วยความเงียบเหงา เหมือนเมืองร้าง แต่ยังคงมีสัตว์เลี้ยงอีกหลายชนิด อาทิ หมูป่า ม้า กวางรูซ่า วัว ควาย รวมกว่า 2,000 ตัว ยังคงอาศัยอยู่ภายในบริเวณวัดตามปกติ โดยมีคนงานของวัดเป็นผู้นำอาหารที่ทางมูลนิธิต่างๆ รวมทั้งผู้มีจิตเมตตามาช่วยเลี้ยงพวกมัน ส่วนสัตว์ป่าคุ้มครองที่ทางกรมอุทยานฯ ยังไม่สามารถขนย้ายออกไปได้ อาทิ ละองละมั่ง กวางบางชนิด และเก้ง
วัดป่าหลวงตาบัวกลายเป็น เมืองร้าง หลังเกิดประเด็นอื้อฉาวกระฉ่อนโลก
ขณะที่บ้านเกาะเสือ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเสือของกลาง โดยแบ่งออกเป็น 3 โซน เหลือเพียงกรงเลี้ยงที่ว่างเปล่าและประตูทุกกรงได้ถูกเปิดทิ้งไว้ จึงทำให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นพื้นที่ร้างไปในทันที แต่ยังเหลือสิงโต เพศผู้ มีขนาดตัวใหญ่ อาศัยอยู่ 1 ตัว ซึ่งมันมีอาการเซื่องซึมอย่างเห็นได้ชัด และไม่ยอมกินไก่ต้มอาหารที่คนงานนำไปให้ ซึ่งเบื้องต้นทางวัดอ้างว่า มีเอกสารการครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย คณะเจ้าหน้าที่จึงเปิดโอกาสให้นำเอกสารมาแสดง ส่วนบริเวณหุบเสือ ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดแสดงเสือให้นักท่องเที่ยวได้ชมและถ่ายรูปสัมผัสกับเสืออย่างใกล้ชิดก็มีบรรยากาศเป็นเมืองร้างไม่ต่างกัน
ส่วนที่มหาวิหารขนาดใหญ่ ที่กำลังปลูกสร้าง แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่ามีมูลค่านับพันล้านบาท รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ซึ่งป่าไม้ได้แจ้งความดำเนินคดีกับทางวัดในข้อหาบุกรุก พื้นที่จำนวน 931-0-83 ไร่ ปรากฏว่าไม่มีคนงานเข้ามาดำเนินการก่อสร้างแต่อย่างใด มีเพียงวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ กองไว้เท่านั้น ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ได้เข้าแจ้งความเอาผิดในข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ
ทีมทนายความมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัวฯ ได้แจ้งยืนยันต่อสื่อมวลชนว่า พระวbสุทธิสารเถร หรือหลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน ประธานมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จะจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงกรณีที่เกิดขึ้นทุกประเด็น ในวันพฤหัสบดีที่ 9 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. ที่วัดด้วยตนเอง
Cr.มติชนออนไลน์