อินเทรนด์ที่สุดคงหนีไม่พ้น "ผิวขาว หน้าใส"แต่ระวังเป็นแบบนี้นะจ๊ะ

  สิ่งที่อินเทรนด์ที่สุดคงหนีไม่พ้น "ผิวขาว หน้าใส" ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากรายการทีวี ที่ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองผิวขาว - หน้าใสบ้าง แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นการสรรหาเครื่องสำอางที่โฆษณาสรรพคุณเพื่อตอบสนองความต้องการได้ดั่งใจนึกมาใช้...

 หากใช้ของดีได้มาตรฐานก็ดีไป แต่มีหลายครั้งที่ไปเจอกับสินค้าไม่ได้คุณภาพ และเกิดอันตราย!! เช่นเดียวกับ “นางสาววิชญ์ชยา ฐิติจิรวิชญ์” หรือ คุณโบว์ เจ้าของผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม ภายใต้แบรนด์ “โอซี” ที่เล่าว่า ได้พบกับวิกฤตหนักจากการใช้ครีมไม่ได้มาตรฐาน เกิดเป็นรอยช้ำเลือดช้ำหนอง ทั้งแผลสด แผลเป็น เต็มตัวและเกิดเป็นสิวเห่อ ต้องหาทางรักษาในทุกวิถีทาง จึงได้ทุ่มเทศึกษาอย่างหนักด้วยการใช้ตนเองเป็นเดิมพัน เพื่อให้ผิวกลับมาเป็นปกติ จนประสบความสำเร็จด้วยผลิตภัณฑ์แบรนด์ “โอซี” ที่เข้ามาตอบโจทย์ โดยปัจจุบัน “โอซี” ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ 3 ไลน์สินค้าที่เข้ามาตอบโจทย์ทั้งด้านการฟื้นฟูสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดสิว รูขุมขนกว้าง รวมทั้งดีท็อกที่ช่วยในเรื่องการขับถ่าย “ก่อนหน้านั้น ต้องบอกเลยว่า โบว์ สรรหาวิตามิน ทั้งไทยและต่างประเทศมากมาย เพื่อมาฟื้นฟูผิวให้กลับมาดีอีกครั้งซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นผล บางยี่ห้อกินหลายเดือนมากกว่าจะเห็นผลหมดกับอาหารเสริมเป็นหมื่นๆแต่ไม่ดีขึ้นบ้างเลย” 

หลังจากศึกษาไปเรื่อยๆยังได้คำตอบอีกว่า อาหารเสริมส่วนใหญ่ทั้งชนิดแคปซูลและแบบเม็ดต่างๆ มักใส่สารสกัดในปริมาณค่อนข้างน้อยมาก ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล และที่สำคัญอาหารเสริมเหล่านั้นเมื่อทานเข้าไปร่างกายสามารถดูดซึมได้ไม่ถึง 50% เพราะโดนกรดในกระเพาะอาหารทำลายเสียก่อน จึงได้ผลิตผลิตภัณฑ์ “โอซี” ขึ้นมา โดยใช้นวัตกรรมทางเภสัชกรรมระบบเอนเทอริค โคท ที่จะช่วยปล่อยตัวยาสำคัญเข้าร่างกาย ทำให้การออกฤทธิ์ของตัวยามีประสิทธิภาพ เห็นผลได้เร็ว ฉะนั้น การเลือกซื้อหรือเลือกใช้เครื่องสำอางจึงจำเป็นอย่างยิ่งในการพิจารณาเลือกและยังต้องทราบถึงแหล่งที่มา ไม่ตามกระแสหรือซื้อใช้แบบฉาบฉวยโดยที่สินค้าอาจไม่มีแบรนด์ด้วยซ้ำ...ก่อนตัดสินใจให้คิดเยอะๆ ข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่า ปัจจุบันได้ตรวจพบเครื่องสำอางหลายยี่ห้อที่ใช้ส่วนผสมจาก "สารปรอท" สารเคมี ที่ทำให้เกิดผิวขาว หน้าใส ไร้สิวขึ้นตามความนิยม จนเป็นอันตรายต่อร่างกายทั้งทางตรง คือ เกิดอาการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ ผิวบางลง ที่หากใช้ไปนานๆจะทำให้เกิดพิษสะสมของสารปรอท และทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ไตอักเสบ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดเป็นแผลเป็น และทำให้ภูมิคุ้มกันของผิวต่อเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราลดลง

 จึงทำให้ติดเชื้อได้ง่ายเมื่อเกิดบาดแผล และยังส่งผลกระทบต่อระบบประสาทอีกด้วย และนอกจากสารปรอทที่พบในเครื่องสำอางแล้ว ยังพบว่ามี "ไฮโดรควิโนน" ที่เป็นสารเคมี ซึ่งนิยมนำมาเตรียมครีมที่ทำให้หน้าขาวเนื่องจากเห็นผลเร็วสารไฮโดรควิโนนจะออกฤทธิ์โดยการยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีของผิวหนังจึงมีผลให้ผิวขาวขึ้นได้ สารชนิดนี้จะสามารถพบได้ในโลชั่นปรับสภาพผิว หรือโลชั่นกันแดดกันฝ้า ซึ่งปรับสภาพผิวจากแสงแดด แต่มีความเป็นพิษ อาจเกิดอาการระคายเคืองและจุดด่างขาวบนใบหน้า ผิวหน้าดำ เป็นฝ้าถาวรจนรักษาไม่หายได้ นอกจากนี้ ยังมีสารเคมีอีกหนึ่งชนิดอย่าง "กรดเรทิโนอิก" เป็นสารที่ช่วยให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังและหลุดลอกได้ จึงช่วยให้สิวเสี้ยนและผิวหนังที่หยาบกร้านหลุดลอก ทำให้ผิวผ่องใสและนุ่มเนียน แต่ก็เป็นสารที่มีอันตรายเพราะจะทำให้หน้าแดง แสบร้อนขึ้นอย่างรุนแรง เกิดการระคายเคือง อักเสบ แพ้แสงแดดหรือแสงไฟได้ง่าย อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเทอราโทเจนที่ทำให้เกิดความผิดปกติทางสายพันธุ์ในไข่หรือตัวอ่อนที่กำลังเติบโต ซึ่งหากได้รับระหว่างการตั้งครรภ์แล้ว จะเกิดความผิดปกติของทารกได้ จึงต้องย้ำว่า! การเลือกใช้เครื่องสำอางจึงต้องระมัดระวังในการเลือกใช้อย่างมาก ไม่เช่นนั้นแล้ว...จากที่คิดว่าจะ “หน้าสวย” อาจกลายเป็น

 “หน้าพัง” หรือ “ผิวเป็นผื่น ผิวไหม้” จากสารเคมีเหล่านี้ได้