นอกจากนี้จะพิจารณาถึงเนื้อหาคำพูดที่โฆษกวัดพระธรรมกาย พระสงฆ์ และพิธีกรรายการออกมาระบุพาดพิงถึงการดำเนินคดีของดีเอสไอ และการอนุมัติหมายจับพระธัมมชโย ว่าจะมีความผิดฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานและละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.ไพสิฐ ยังกล่าวถึงกรณีที่วัดพระธรรมกายออกมาแถลงถึงการอาพาธหนักถึง 8 โรค ของพระธัมมชโยนั้น อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนทราบดีว่าพระธัมมชโยป่วย และไม่เคยโต้เถียงเรื่องอาการป่วย แต่มีพยานหลักฐานชี้ให้เห็นว่าพระธัมมชโยสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ออกไปรับกิจนิมนต์ในสถานที่ต่างๆได้ และเดินได้ตามปกติ เพียงแต่พระธัมมชโยไม่ประสงค์จะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับข้อกล่าวหา กระบวนการจึงต้องเดินไปสู่การขออนุมัติหมายจับ เพื่อไม่ให้การดำเนินคดีเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนการที่วัดพระธรรมกายพร้อมเปิดวัดให้พนักงานสอบสวนเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหานั้นพ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ดีเอสไอจะรอจนครบกำหนดในวันที่ 26 พ.ค. นี้ จึงจะพิจารณาดำเนินการในขั้นตอนต่อไป หากถึงจุดนั้นต้องประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ เนื่องจากภายในวัดมีลูกศิษย์หลายกลุ่ม ซึ่งศิษย์แต่ละกลุ่มมีความคิดไม่เหมือนกัน ดังนั้นเพื่อความรอบคอบจึงต้องประชุมร่วมกับพนักงานอัยการ และต้องขออนุมัติหมายค้นจากศาลด้วย ทั้งนี้เพื่อปิดช่องไม่ให้มีประเด็นโต้แย้ง เพราะที่ผ่านมาพระธัมมชโยไม่เคยพูดด้วยตนเองว่า ยินดีให้พนักงานสอบสวนเข้าไปภายในวัด มีแต่ลูกศิษย์และพระรูปอื่นออกมาพูดผ่านสื่อเท่านั้น
"เรื่องหลักทรัพย์ประกันตัวหากพระธัมมชโยเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง ดีเอสไอได้แจ้งให้รับทราบเบื้องต้นแล้วว่า หลักทรัพย์ประกันจะประเมินตามอัตราโทษและมูลค่าความเสียหายในคดี โดยสามารถนำโฉนดที่ดินและหลักทรัพย์เข้าประเมินราคาประกันตัวได้ตามระเบียบของทางราชการ" อธิบดีดีเอสไอกล่าว