วัดธรรมกาย-คณะแพทย์!! แจงอาการอาพาธ ธัมมชโย ขยับเสี่ยงตาย!

 14 พ.ค. 59  ความคืบหน้าอาการป่วยของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ใช้เป็นเหตุผลในการไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาจากกรมสืบสวนคดีพิเศษ กรณีข้อหาความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรจากการรับเช็คจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษรอดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยการขออนุมัติหมายจับเมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา ทนายความพร้อมคณะแพทย์ได้ยื่นคัดค้านระบุว่าพระธัมมชโยอาพาธ ศาลจึงไม่อนุมัติหมายจับดังกล่าว และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกหมายเรียกอีกครั้งในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้

 

                    ล่าสุด วันนี้ (14 พ.ค.) พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ผศ.นพ.ธนาคม เปรมประภา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์หลอดเลือด ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฉุกเฉิน พ.ท.นพ.สิริพงศ์ พัฒนธนาวิสุทธิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โลหิตวิทยา ร่วมชี้แจงกรณีขอเปลี่ยนสถานที่พบพนักงานสอบสวน ที่สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

พระสนิทวงศ์ กล่าวว่า ตามที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีหมายเรียกพระเทพญาณมหามุนี หรือหลวงพ่อธัมมชโย ไปพบพนักงานสอบสวนที่สำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 16 พฤษภาคม เวลา 09.00 น. เนื่องจากพระเทพญาณมหามุนีอาพาธ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ต้องฝืนลงประกอบพิธีในวันที่ 22 เมษายน เป็นเวลานาน ทำให้อาการอาพาธทรุดหนักลง และตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม ขาซ้ายได้บวมมากขึ้นและปวดมาก แพทย์ผู้ดูแลจึงได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวินิจฉัยมาตรวจด้วยอัลตราซาวนด์ และเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์หลอดเลือด และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยามาตรวจวินิจฉัยและรักษา

 

                    ผศ.นพ.ธนาคม ชี้แจงว่า พระเทพญาณมหามุนี มีอาการอาพาธเรื้อรังมาแต่เดิมด้วยโรคหลอดเลือดดำใหญ่ส่วนลึกในช่องท้องข้างซ้ายอุดตัน อันเกิดจากการถูกทับด้วยเส้นเลือดแดงใหญ่ ทำให้เลือดไม่สามารถไหลจากขาซ้ายกลับสู่หัวใจได้ ร่างกายจึงปรับตัวโดยหลอดเลือดดำสายรองขยายขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเป็นช่องทางให้เลือดไหลกลับสู่หัวใจ ปรากฏชัดตามภาพถ่ายหลอดเลือด เอ็มอาร์วี

สำหรับอาการปวดบวมที่ขาเฉียบพลัน ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เกิดเนื่องจากหลอดเลือดดำสายรองที่ขยายใหญ่เป็นช่องทางให้เลือดกลับสู่หัวใจเกิดการอุดตันเฉียบพลัน ปรากฏชัดตามผลการตรวจอัลตราซาวนด์ ทำให้เลือดไม่สามารถไหลกลับเข้าสู่หัวใจ เลือดจึงคั่งอยู่ที่ขา ทำให้เกิดอาการบวมและปวดอย่างมาก เพราะความดันของช่องเนื้อเยื่อบริเวณรอบขาสูงขึ้น และมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณขาขาดเลือดเฉียบพลันและสูญเสียขาได้

 

                    ด้าน พ.ท.นพ.สิริพงศ์ กล่าวว่า การที่หลอดเลือดดำสายรองเกิดการอุดตันเฉียบพลันในผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตันที่ยังไม่สามารถรักษาสาเหตุให้หายได้ มีความเสี่ยงที่ลิ่มเลือดจากหลอดเลือดดำส่วนลึกที่มีการอุดตันมีโอกาสเคลื่อนหลุดไปตามกระแสเลือดและไปอุดตันที่หลอดเลือดใหญ่ในปอด อันจะทำให้เสียชีวิตได้ทันที จะต้องหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวร่างกายและภาวะที่จะทำให้ร่างกายมีการสั่นสะเทือนโดยเฉพาะที่บริเวณขาซ้าย

 

                    ส่วนเรื่องแผลเรื้อรังที่ข้อเท้า เกิดจากความดันในหลอดเลือดดำสูงขึ้น ทำให้การไหลเวียนเลือดของเนื้อเยื่อบริเวณข้อเท้าผิดปกติ จึงเกิดแผลเรื้อรังขึ้น ประกอบกับผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานร่วมด้วย แผลจึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเฉียบพลันสูง

ส่วน นพ.อัจฉริยะ ระบุว่า คณะแพทย์ได้รักษาโดยการให้ยาและสั่งห้ามนั่งห้อยขา ให้นอนยกขาสูงกว่าระดับของหัวใจเพื่อให้เลือดไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้ดีขึ้น และลงความเห็นว่าไม่ให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวร่างกาย ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2-3 เดือน เพราะจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของร่างกายและเพิ่มภาวะความเสี่ยงที่จะทำให้ลิ่มเลือดไปอุดตันที่ปอดทำให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ทันที และให้ตรวจประเมินอาการซ้ำอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอร่วมกับเฝ้าระวังการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

 

                    ดังนั้น ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว เป็นเหตุให้พระเทพญาณมหามุนีไม่สามารถเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามกำหนดนัดหมายได้ ตัวแทนคณะสงฆ์วัดพระธรรมกายจึงขอความกรุณาไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โปรดมอบหมายให้พนักงานสอบสวนเดินทางมาพบพระเทพญาณมหามุนี ที่วัดพระธรรมกาย ในเวลา 14.00 น. วันที่ 16 พฤษภาคม ตามวันที่นัดหมายไว้เดิม

 

                    พระสนิทวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมตอนท้ายว่า พระเทพญาณมหามุนีมิได้มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงหรือประวิงเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงรวมทั้งรับทราบถึงเหตุผลความจำเป็นดังกล่าว ทางคณะสงฆ์ยินดีที่จะส่งคณะแพทย์ผู้ตรวจรักษาไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติม หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเชิญแพทย์จากหน่วยงานที่เป็นกลางให้เดินทางมาตรวจอาการก่อนถึงกำหนดนัดหมายก็ได้

 

                    รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 15 พฤษภาคม มีกระแสข่าวบรรดาลูกศิษย์วัดพระธรรมกายได้เตรียมนัดหมายมารวมตัวกันก่อนวันวิสาขบูชา เพื่อคัดค้านที่ดีเอสไอดำเนินคดีพร้อมขอความเป็นธรรมให้พระธัมมชโย แต่ด้านลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ระบุว่า เป็นการรวมตัวเพื่อประกอบศาสนกิจ ไม่ใช่เรื่องอื่นใด

 

                    ก่อนหน้านี้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของกลุ่มลูกศิษย์พระธัมมชโย ว่า บอกไปแล้วว่าขอให้ใช้กระบวนการยุติธรรม ใช้ทิศทางที่ราชการได้กำหนดไว้ ซึ่งการร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมก็เป็นสิทธิ์ของเขา และเป็นการรักษาสิทธิ์ของประชาชนทั่วไปที่สามารถทำได้

 

                    ส่วนกรณีกระแสข่าวเตรียมระดมลูกศิษย์เข้าวัดพระธรรมกาย จำนวนนับหมื่นคนในวันที่ 15 พฤษภาคม ก่อนวันวิสาขบูชา พล.อ.ไพบูลย์ ตอบว่า อยากให้มองในแง่บวก เพราะทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะทำกิจกรรมทางศาสนา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ได้สั่งให้อธิบดีดีเอสไอได้คอยติดตามเรื่องดังกล่าวอยู่แล้วในฐานะเจ้าของเรื่อง แต่ถ้ามีอะไรแอบแฝงมันก็จะมุ่งไปสู่สิ่งที่สื่อถาม มันก็อาจจะมุ่งไปสู่ความไม่เรียบร้อย ตรงนั้นก็เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงดูแล

ขอขอบคุณ www.komchadluek.net