ที่ประชุมแนะนำให้นำวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือวัคซีนเอชพีวี มาใช้ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มทุน วัคซีนนี้รัฐจะต้องจัดหาให้กับประชาชนไทยฟรี โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ เด็กหญิงอายุ 9 ขวบ ที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.5 ถือเป็นวัยที่เหมาะสมที่สุดในการได้รับวัคซีนและสอดคล้องตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก โดยฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 4 แสนคนทั่วประเทศ
นพ.อำนวย กล่าวอีกว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้จัดทำคำของบประมาณปี 2560 เพื่อนำมาใช้ในการจัดซื้อวัคซีนเอชพีวี 200 ล้านบาท ล่าสุดได้เสนอเรื่องนี้ไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะเลขานุการอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อให้พิจารณานำวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกอยู่ในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติ เนื่องจากหน่วยบริการจะสามารถใช้วัคซีนได้เฉพาะที่อยู่ภายใต้บัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา
"มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากในหญิงไทยเป็นอันดับ2 รองจากมะเร็งเต้านม จากสถิติโรคมะเร็งในประเทศไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 6,400 รายต่อปี และเสียชีวิตประมาณ 3,000 รายต่อปี สาเหตุที่พบบ่อยเกิดจากการติดเชื้อไวรัสฮิวแมนแพปพิลโลมา หรือเชื้อเอชพีวี (Human papilloma virus - HPV)" นพ.อำนวย กล่าวและว่า สำหรับวัคซีนฮิบ ป้องกันเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และวัคซีนโรตา ที่ป้องกันโรคท้องร่วงรุนแรงในเด็กนั้น คาดว่าจะบรรจุในปีงบประมาณ 2561 ต่อไป (สปสช.) โทรศัพท์สอบถาม 02 141 4000