2 นักท่องเที่ยวเผยไม่เกลียดคนไทย หลังถูกรุมตื้บช่วงสงกรานต์ ตื้นตันใจเด็กชายขายพวงมาลัยอยากช่วยค่ารักษาพยาบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (2 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมและคณะ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่น 4 คน ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ทั้งหมดแล้ว ได้ทำร้ายร่างกายขณะเดินทางท่องเที่ยวและเล่นน้ำสงกรานต์ในซอยบิณฑบาต หน้าวัดหัวหิน เหตุเกิดเมื่อเวลา 01.30 น.เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมานั้น
โดยนายลูอิส โอเว่น อายุ 68 ปี และ นางโรสแมรี่ เฮ โอเว่น อายุ 68 ปี ภรรยา ที่เข้าตรวจร่างกายอย่างละเอียดครั้งสุดท้าย กับแพทย์เจ้าของไข้ที่ รพ.กรุงเทพหัวหิน ก่อนเดินทางกลับประเทศอังกฤษในวันพรุ่งนี้
ซึ่ง ม.ล.ปนัดดา ได้มอบพวงมาลัยมะลิสด และของที่ระลึกจากภรรยาให้กับ 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ นอกจากนี้ นายทวี นริศสิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ยังได้มอบแจกันดอกไม้ เพื่อแสดงความปรารถนาดีมายังทั้ง 2 คน ด้วยเช่นกัน
ม.ล.ปนัดดา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นักท่องเที่ยวทั้ง 2 คนเป็นคนดีมาก ได้พูดคุยกันแล้วทั้งคู่ต่างบอกว่า มีความเข้าใจดีว่าเหตุทำร้ายร่างกาย สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นเพียงแค่คนที่นิสัยไม่ดีเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น ไม่ใช่คนไทยทั้งประเทศ เขาไม่ได้เกลียดหรือโกรธคนไทย
โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ฝากเยี่ยม และฝากความปรารถนาดีมายังนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน รวมถึงบุตรชายที่ต้องเดินทางกลับไปทำงานที่ประเทศสิงค์โปรก่อนหน้านี้
อีกทั้งนายกฯยังได้ฝากถึงหน่วยงานในพื้นที่ว่า ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏต่อสายตาทางสื่อออนไลน์กระทบต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศและชาวโลก ขอให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนราคาแพง ที่จะต้องป้องกันอย่างถึงที่สุดไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำรอยได้อีก
ทั้งนี้ นางโรสแมรี่ เฮ โอเว่น ยังได้บอกกับตนด้วยว่า หน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องได้ให้ความใช้เหลือเป็นอย่างดี ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นทำให้ไม่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง
และยังได้พูดถึงกรณีเด็กชายขายพวงมาลัยที่มีความคิดจะหาเงินมาช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล เพราะเห็นว่าเป็นเหตุที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ทำให้ทั้งสองคนต่างประทับใจในน้ำใจของเด็กชายดังกล่าว
ซึ่งตนได้ขอให้สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหินชะอำและทางเทศบาลเมืองหัวหิน ได้ช่วยตามหาเด็กชายดังกล่าว อยากจะมอบรางวัลให้เพราะถือว่าเป็นเยาวชนตัวอย่างที่มีความคิดดี อนาคตจะเป็นกำลังหลักสำคัญในการพัฒนาประเทศได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่เสียหาย หลังเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวนั้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งกู้ภาพลักษณ์ให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด
ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะนักท่องเที่ยวเองมีความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี ส่วนมูลเหตุสำคัญในครั้งนี้มาจากเรื่องของการดื่มสุราจนมึนเมาขาดสติ ต่อไปจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ในเรื่องการขายและสถานที่ที่สามารถดื่มได้ต้องบังคับใช้ตามกฎหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่สาธารณะที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นได้อีก
ที่มา startclip