หาโกงตั๋ว22บาท ซดพิษดับ ประจานกระปี๋สาว

เรื่องราวพนักงานขับรถ ขสมก.ร้องหาความเป็นธรรมให้เมียรัก


เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 31 ก.ค. โดยนายธวัชชัย เฟื่องพานิชเจริญ อายุ 44 ปี พนักงานขับรถประจำทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) สาย ปอ.138 ทางด่วนพระประแดง-หมอชิตใหม่ อยู่บ้านเลขที่ 419/769 หมู่ 10 ต.ในคลองปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ได้ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวไทยรัฐว่า ต้อง การขอความเป็นธรรมให้กับนางสมสกุล หรือปุ๊ เฟื่องพานิชเจริญ อายุ 44 ปี ภรรยา อดีตพนักงานเก็บค่าโดย สารรถประจำทางสายเดียวกัน ที่ตัดสินใจดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังถูกไล่ออกจากงานอย่างไม่เป็นธรรม หนำซ้ำยังมีการนำคำสั่งไล่ออกไปติดประจานตามอู่เดินรถต่างๆ อีกด้วย


นายธวัชชัยเปิดเผยเรื่องราวความเป็นมาที่ออกมาเรียกร้องความถูกต้องให้เมียรัก
 
ตนเป็นพนักงานขับ รถ  ขสมก.มานาน 14-15 ปี ส่วนนางสมสกุล ภรรยาเป็น พนักงานเก็บเงินมาประมาณ 13 ปี และประจำอยู่รถคันเดียวกัน อยู่กินกันมา 30 ปี ไม่มีบุตร โดยนางสมสกุล ได้รับเงินเดือน 14,000 กว่าบาท เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลา 17.30 น. นางสมสกุลถูกผู้โดยสารผู้หญิงคนหนึ่ง ร้องเรียนผ่านแบบรับเรื่องร้องทุกข์และแนะนำบริการว่านำตั๋วเก่ามาขาย เป็นตั๋วราคา 22 บาท หมายเลข 7963086 


ต่อมาคณะกรรมการสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงจากผู้ร้องเรียน

สรุปว่าเป็นความจริงตามข้อกล่าวหา ระบุว่าผู้ร้องโดยสารรถคันดังกล่าวจากป้ายวัดสน ถนนสุขสวัสดิ์ ไปลงที่ป้ายโชคชัยร่วมมิตร ถนนวิภาวดีรังสิต ชำระค่าโดยสารเป็นธนบัตรใบละ 20 บาท 1 ใบ กับเหรียญ 1 บาท 2 เหรียญ เมื่อพนักงานเก็บค่าโดยสารประจำรถ ยื่นตั๋วให้ ได้รับและกำไว้ในมือ ตั๋วมีลักษณะเก่า มีรอยจิกเหมือนผ่านการตรวจมาแล้ว และไม่ได้ยินเสียงตัดตั๋วออกจากกระบอกตั๋ว พร้อมกันนี้ได้มอบตั๋วราคา 22 บาท หมายเลข 7963086 ให้เป็นหลักฐาน และลงชื่อรับรองไว้ด้านหลังตั๋ว รวมทั้งได้ชี้รูปถ่ายของนางสมสกุล เฟื่องพานิชเจริญ พนักงานเก็บค่าโดยสารประจำรถ ผู้จำหน่ายตั๋วใบดังกล่าวในวันเกิดเหตุ 


คณะกรรมการได้เรียกตัวนางสมสกุลไปสอบสวนที่เขตการเดินรถที่ 5

ตั้งอยู่ย่านแสมดำ โดยนางสมสกุล ไม่รู้เรื่องมาก่อนว่าถูกร้องเรียนจากผู้โดยสารในเรื่องดังกล่าว กระทั่งคณะกรรมการตั้งคำถามต่างๆ เช่น มีหนี้สินอะไรบ้าง เก็บกวาดรถบ้างหรือไม่ และก่อนออกจากอู่ ตรวจสอบความเรียบร้อยบนรถหรือไม่ จึงรู้ว่าถูกผู้โดยสารร้องเรียนเรื่องขายตั๋วใช้แล้ว ซึ่งนางสมสกุลปฏิเสธว่าไม่ได้นำตั๋วเก่าไปจำหน่าย 

ซึ่งเมื่อสอบสวนเสร็จสิ้น คณะกรรมการได้ให้กลับมาทำงานได้เหมือนเดิม

ภายหลังการสอบสวน ทางคณะกรรมการแจ้งว่า ให้การแล้วสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ แต่ต่อมาไม่นานกลับมีคำสั่งให้พักงาน 3 เดือน เพื่อรอผลการสอบสวน จนกระทั่งวันที่ 21 มี.ค. ปรากฏว่าคณะกรรม-การได้มีคำสั่งไล่ออกจากการเป็นพนักงานองค์การ ระบุว่าการปฏิเสธข้อกล่าวหาของนางสมสกุลฟังไม่ขึ้น เนื่อง จากจำนนด้วยพยานบุคคล ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีอาชีพมั่นคง ไม่มีส่วนได้ประโยชน์จากการกระทำ และพยานเอกสารใบตั๋ว เป็นตั๋วของพนักงานเก็บค่าโดยสารผู้อื่น มีการจำหน่ายเมื่อวันที่ 29 ม.ค. บนรถคันหมายเลข 5-66132 สายการเดินรถที่ 138 ซึ่งเป็นรถคันเดียวกับรถคันเกิดเหตุ ถือว่าเป็นการกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ เป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงให้ลงโทษโดยการไล่ออกจากการเป็นพนักงานองค์การ ตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ. ซึ่งเป็นวันสั่งพักงาน และชดใช้ค่าโดยสารจำนวน 22 บาท


นายธวัชชัยได้ให้การว่า


“ตอนแรกเมียผมไม่รู้ว่าถูกไล่ออก กระทั่งไปเห็น คำสั่งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เขตการเดินรถที่ 5 ติดอยู่ที่ท่ารถ 138 บริเวณหน้าวัดกลาง ถนนนครเขื่อนขันธ์ อ.พระประแดง ก็ร้องไห้โฮ ทั้งเสียใจ และอับอาย เพื่อนร่วมงานเห็นก็สงสาร ไม่รู้จะช่วยยังไง ที่สำคัญ นอกจาก จะนำคำสั่งดังกล่าวไปติดตามท่ารถสายต่างๆแล้ว บนหัว คำสั่งยังมีลายมือเขียนด้วยปากกาเมจิสีแดงตัวโต เขียนเส้นใต้จั่วหัวว่า “พนักงาน 138 ทุกคน ถือเป็นบทเรียนไล่ออก” ไม่ต่างกับการประจาน เพราะมีชื่อของนางสมสกุล ปรากฏอยู่” นายธวัชชัยกล่าวและว่า หลังจากนั้นนางสมสกุลถึงกับเครียดหนัก ไม่ยอมออกจากบ้านไปไหน ตน พยายามปลอบใจว่า ถึงจะออกจากงาน แต่ก็หาเลี้ยงเมียได้ ไม่ต้องกังวล แต่นางสมสกุลพูดว่า เสียศักดิ์ศรี ไม่ขออยู่  ดีกว่า

กระทั่งตีห้าผู้ตายได้คิดสั้นโดยการกินยาฆ่าปลวก

 วันที่ 10 เม.ย. นายสาธิต ปาละกะวงศ์ ณ อยุธยา อายุ 25 ปี ลูกติดของนางสมสกุล ปลุกตนบอกว่า แม่เข้าห้องน้ำอาเจียนหลายหนจนหมดแรงฟุบอยู่บนโซฟา เมื่อตรวจสอบทราบว่านางสมสกุลได้กินยาฆ่าปลวก ผสมโอวัลติน จึงนำตัวส่ง รพ.ราษฎร์บูรณะ ให้แพทย์ล้างท้อง แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ 


สามีผู้เรียกร้องหาความเป็นธรรมให้เมียกล่าวต่อว่า

หลังจากนางสมสกุลถูกไล่ออก มีเพื่อนร่วมงาน ขสมก. ที่รู้จักนางสมสกุลดี พากันร่วมลงชื่อกว่า 600 คน เพื่อให้ คณะกรรมการชี้แจงผลการสอบสวน เนื่องจากไม่เชื่อว่านางสมสกุลกระทำผิดตามข้อกล่าวหา เพราะเคยได้รับประกาศนียบัตรจากธนาคารความดีถึง 7 ใบ เคยเก็บโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์คืนให้ผู้โดยสาร โดยเงินอยู่ครบถ้วน ทำไมจะต้องมาคดโกงเงินค่าตั๋วแค่ 22 บาท ฐานะการเงินก็ไม่เดือดร้อน ไม่มีหนี้สิน ไม่เล่นการพนัน อีกทั้งคณะกรรมการที่พิจารณาลงโทษไล่ออก เป็นระดับเขตการเดินรถที่ 5 เรื่องไม่ถึงองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพหรือ ขสมก. แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า


ส่วนเหตุที่คิดว่านางสมสกุล คิดฆ่าตัวตายน่าจะมาจากผู้โดยสาร

พร้อมกันนี้ นายธวัชชัยได้ตั้งข้อสังเกตว่า ภายหลังเกิดเรื่อง นางสมสกุลเล่าให้ฟังว่า สาเหตุน่าจะมาจากเคย มีปัญหากับผู้โดยสารผู้หญิงคนหนึ่ง ขณะจะเก็บเงินค่าโดยสาร ผู้หญิงคนนั้นยืนคุยโทรศัพท์ นางสมสกุลรออยู่นาน ไม่ส่งเงินให้ พอจะเดินไปเก็บเงินคนอื่นก่อน กลับยื่นเงิน ให้แบบกระแทกกระทั้นไม่พอใจ นางสมสกุลจึงยื่นตั๋วกับ เงินทอนให้แบบไม่พอใจเหมือนกัน สงสัยว่าจะถูกผู้โดยสาร คนดังกล่าวร้องเรียน 


เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผอ.ขสมก. เปิดเผยว่า

ภายหลังได้รับการร้องเรียน ได้มีการสอบสวนตามลำดับชั้น ตั้งแต่นายท่าจนถึง ผอ.เขตการเดินรถ คณะ กรรมการฯ ระดับซี 6-7 ตรวจสอบมาอย่างละเอียด ใช้เวลา พอสมควร จนพบผู้ตายผิดจริง ซึ่งโทษของการทุจริตเงินคือไล่ออก คณะกรรมการมีอำนาจสั่งการได้ อย่างไรก็ตาม ได้เปิดให้ผู้ตายยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้คดีภายใน 15 วัน และ ผู้ตายได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ด้วยตนเอง แต่ยังไม่ทันครบกำหนด ก็ฆ่าตัวตายเสียก่อน ก็ถือว่าคดีสิ้นสุด 



ในส่วนของการสอบสวน ยืนยัน ว่ามีการสอบสวนอย่างละเอียด

เพราะเคยมีคดีแบบนี้เกิด ขึ้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน อีกทั้งมีพยานบุคคลเชื่อถือได้ มีตัวตนสามารถตรวจสอบได้ แต่ ขสมก.ไม่สามารถเปิด เผยได้ เพราะเกรงว่าพยานอาจจะถูกคุกคาม เว้นแต่จะมี คำสั่งศาล ส่วนเรื่องที่ผู้ตายได้รับประกาศนียบัตรจากธนาคาร ความดีถึง 7 ใบ นั้น คงไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องดี ทั้งหมด เพราะโครงการดังกล่าว ขสมก.จัดทำขึ้นเพื่อให้ พนักงานแข่งขันกันทำความดี สร้างภาพลักษณ์ใหม่แก่ องค์กร เมื่อถึงสิ้นปีก็จะตัดสินอีกครั้ง โดยพิจารณาจากประกาศนียบัตรที่ได้ ซึ่งยอมรับว่าพนักงานเกือบ 90% ได้ประกาศนียบัตรคนละไม่ต่ำกว่า 10 ใบ และจากการตรวจ สอบพบว่าบางครั้งพนักงานก็เขียนเชียร์กันเองเพื่อหวังได้ประกาศนียบัตรก็มี


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์