หนังคนละม้วน! คนเฝ้าพื้นที่เกาะนาคาน้อยให้กับบริษัทคู่กรณี "ภูริ" โต้ ฝ่ายตนไม่มีอาวุธ ไม่มีการยิงข่มขู่ และไม่มีแผ้วทางป่าตามที่หนุ่ม "ภูริ" โพสต์กล่าวหา ด้าน รอง ผวจ.ภูเก็ต นำคณะลงตรวจสอบ ชี้ยังไม่พบการกระทำผิด
จากกรณีที่นักแสดงหนุ่ม "ภูริ หิรัญพฤกษ์" ได้โพสต์ข้อความลงบนโลกออนไลน์ เรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ตรวจสอบเกาะนาคาน้อย หมู่ 5 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หลังมีผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของโฉนด และมีเอกสารสิทธิที่แปลงติดกับที่ดินของครอบครัว ทั้งๆที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่า นอกจากนี้ทางหนุ่มภูริ ยังระบุด้วยว่า มีกลุ่มคนของผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของโฉนด พร้อมอาวุธครบมือ เตรียมเข้าถางที่ป่าที่ไม่เคยครอบครอง เมื่อมีการส่งคนเข้าไปห้ามก็ถูกชักปืนใส่ พร้อมทั้งวอนให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยมาระงับการทำลายป่าครั้งนี้ ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 7 เม.ย. นายโชคดี อมรวัฒน์ รอง ผวจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย น.อ.สถาพร วาจรัตน์ รอง ผอ.กอ.รมน.ภูเก็ต นายวัชรินทร์ เจตนาวณิชย์ เจ้าพนักงานที่ดิน จ.ภูเก็ต นายศุภชัย สุกใส ผอ.ส่วนป้องกันและปราบปรามภาคใต้ นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพเรือภาคที่ 3 และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ รวม 30 คน เข้าตรวจสอบบริเวณที่ดินของบริษัท ภูเขาหกลูก จำกัด ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก. เลขที่ 3977 เนื้อที่ 24 ไร่เศษ ซึ่งอยู่บนเกาะนาคาน้อย ซึ่งเป็นแปลงที่ดินซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของครอบครัว "หิรัญพฤกษ์"
จากการสอบถาม นายสายันห์ สรรบรรณ ซึ่งเป็นหนึ่งในคนเฝ้าพื้นที่ของบริษัท ภูเขาหกลูกฯ เปิดเผยว่า ได้เข้ามายังพื้นที่นี้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับ นายชาญวิทย์ กิจเลิศสิริวัฒนา ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน และผู้ที่ขายที่ดินให้กับทาง นายชาญวิทย์ ที่เป็นผู้หญิงสูงอายุ พร้อมกับลูกหลานที่ตามมาด้วย รวมประมาณ 8-9 คน แต่เมื่อพวกตนมาถึง คนของ นายภูริ ก็ได้เดินลัดเลาะเข้ามาสอบถาม "ว่ามาทำไม" ซึ่งในขณะที่พูดคุยกัน ทางฝ่ายนักแสดงหนุ่มได้อัดวิดีโอไว้ด้วย โดยถ่ายเฉพาะส่วนของผู้ชาย ทั้งนี้ ทางฝ่ายของตนไม่มีอาวุธปืน และไม่มีการยิงข่มขู่ ส่วนของรถแบคโฮก็เช่นเดียวกัน ไม่ได้มีการนำมาแต่อย่างใด โดยในส่วนของตนนั้นได้รับการว่าจ้างให้มาทำขั้นบันได ได้ค่าจ้างวันละ 700 บาท ซึ่งทำเสร็จก็จะกลับ แต่พอเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นทาง นายชาญวิทย์ ได้ขอให้อยู่ดูแลพื้นที่ต่อ เพราะกลัวจะมีปัญหาขึ้นอีก ซึ่งตอนที่เห็นข่าวค่อนข้างตกใจมากว่าทำไมเป็นอย่างนั้น เพราะความจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างที่ทางครอบครัว นายภูริ ไปนำเสนอเลย