โดยยืนยันว่า
กรณีที่มีการใช้โทรศัพท์มือถือในเรือนจำของผู้ต้องขัง ไม่ใช่ความหละหลวมของเรือนจำ แต่เป็นแผนในการล่อซื้อของเรือนจำ ที่บางครั้งจะต้องปล่อยให้ผู้ต้องขังคดียาเสพติดเคลื่อนไหว เพื่อขยายผลจับกุมเครือข่ายได้ และได้ของกลางยาเสพติดจำนวนมากเหมือนครั้งนี้ และหลังการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายใหญ่นี้ จะมีการขยายผลนักโทษที่เป็นเครือข่ายของนายสมศักดิ์ เนตรวงศ์ ในทัณฑสถานฯอีก 8 ราย
“ขอเรียนว่าหลายกรณีเรายอมให้ผู้ต้องขังมีการนำโทรศัพท์เข้าไปในเรือนจำ เพื่อหวังผลในการขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดต่อไป แต่รายละเอียดโครงการเป็นความลับในรูปคดี โดยขณะนี้ทัณฑสถานจับตานักโทษรายสำคัญในแดน 9 ที่มีเครือข่ายยาเสพติดเคลื่อนไหวอยู่ภายนอกประมาณ 100 ราย และยังเฝ้าจับตานักโทษรายสำคัญในแดน 10 อีก 20 ราย ”
นายนัทธี กล่าวและว่า
ปัจจุบันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ยากลำบาก เพราะนักโทษจะอ้างสิทธิมนุษยชนคอยร้องเรียนกลั่นแกล้งเจ้าหน้าที่อยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้นักโทษคดียาเสพติดจะต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต คนเหล่านี้จึงทำได้ทุกอย่างเพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
ด้านนายปรีดา กล่าวว่า
การจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ผ่านมาของตำรวจ ล้วนได้ข้อมูลมาจากเรือนจำทั้งสิ้น แต่เรือนจำไม่เคยเปิดเผย เพราะจะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้ปฏิบัติการและครอบครัว เจ้าหน้าที่ในเรือนจำขอย้ายตัวเองเพราะถูกกดดันและข่มขู่จากเครือข่ายนักค้ายาเสพติดที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอก เจ้าหน้าที่บางรายรถยนต์ถูกราดน้ำมันเบรก แม้แต่อดีตผู้บัญชาการเรือนกลางบางขวาง ยังต้องขอย้ายตัวเองเข้าไปเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำกรม สำหรับตนยอมรับว่ากลัว แต่เมื่อเดินมาถึงจุดนี้แล้วถอยไม่ได้ ทำได้เพียงป้องกันตัวเอง และไม่ขอกำลังคุ้มครอง เพราะไม่อยากให้ครอบครัวต้องตกเป็นเป้าสายตา