แน่นอน, แต่ละรายที่เลือกฝ่าย ว่าสมควรจัดต่อ หรือสมควรยุติ ต่างก็มีเหตุผลของตนเอง อย่างที่ได้ยินได้ฟังกันอยู่
สุดท้ายแล้วสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 หรือเจ้าตัวคือสรยุทธ์จะตัดสินใจอย่างไร ทำต่อไปหรือทนกระแสสังคมไม่ไหว ถอยฉาก ก็ต้องรอดู
แต่ที่แน่ๆตอนนี้คือมีรายงานว่าเรทติ้งผู้ชมรายการ ‘เรื่องเด่นเย็นนี้' และ ‘เรื่องเล่าเช้านี้' ที่สรยุทธเป็นพิธีกรอยู่มีการเปลี่ยนแปลง
นั่นคือช่วงก่อนคำพิพากษาจะปรากฏ รายการ"เรื่องเล่าเช้านี้" เรทติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 2.1-2.2 โดยประมาณ ขณะที่ "เรื่องเด่นเย็นนี้" เรทติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5-1.8
ซึ่งหลังคำพิพากษาปรากฏในช่วงเช้าวันที่ 29 ก.พ. เรทติ้ง"เรื่องเด่นฯ" ลดลงเหลือ 1.3
แต่เรทติ้งรายการ "เรื่องเล่าฯ" ตอนเช้าวันที่ 1 มี.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 2.4
ครั้นจะเม้าท์ว่า ที่เรทติ้งตอนเย็นวันคำพิพากษาออกหายไป เพราะคนแบนทันที เลยเลิกดู ส่วนที่ตอนเช้ากลับมาพุ่ง เพราะจะรอดูใจช่อง 3 ว่าจะให้สรยุทธกลับมาอ่านข่าวไหม เลยตั้งใจเปิดจอ ก็อาจจะเร็วเกินไป
เพราะตัวเลขที่ว่าก็เพิ่งจะแค่วันเดียว ซึ่งวัดอะไรไม่ได้
แถมถ้าดูย้อนหลังยาวๆ ในช่วงเดือนที่ผ่านมาอัตราการขึ้นลงที่เห็น ก็ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติ
ดังนั้นนี่จะเป็นแค่แรงเหวี่ยงธรรมดา หรือว่าจะผลจากการแบนของผู้ชม ต้องรออีกสักพัก