ดีเอสไอนัดผู้เชี่ยวชาญจากัวร์ตรวจรถหลวงพี่น้ำฝน

ดีเอสไอยันจำเป็นต้องตรวจรถหลวงพี่น้ำฝนอีกครั้ง เพราะการตรวจครั้งแรกยังไม่ได้ข้อมูลที่กระจ่างชัด และมีผู้ร้องขอให้ตรวจหาความจริงให้ปรากฎ ชี้ข้อมูลสับสน จดทะเบียนเป็นจากัวร์ รุ่นแพนเธอร์ ทั้งที่รถจากัวร์และรถแพนเธอร์ เป็นคนละบริษัทกัน

พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หัวหน้าชุดสืบสวนคดีรถยนต์จดประกอบเลี่ยงภาษี เปิดเผยว่า จะมีการประชุมพนักงานสอบสวนในวันที่ 29 ก.พ.นี้ เพื่อนัดหมายบริษัทจากัวร์ ประเทศไทย ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบรถจดประกอบของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ในวันที่ 2 มี.ค.59 โดยจะไปตรวจที่วัด เนื่องจากได้รับแจ้งจากวัดฯว่ารถเคลื่อนย้ายไม่ได้ กรณีรถดังกล่าว ที่ต้องตรวจอีกครั้ง เพราะในการตรวจครั้งแรก ยังไม่แล้วเสร็จ และมีผู้ร้องยื่นเรื่องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบรถดังกล่าวให้ได้ข้อมูลที่กระจ่าง

พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวอีกว่า ในการตรวจรถของหลวงพี่น้ำฝน ครั้งแรก เป็นลักษณะการตรวจทางกายภาพ แต่ครั้งนี้ เป็นการตรวจละเอียดเพื่อหาข้อเท็จจริงจากข้อมูลที่สับสนว่ารถดังกล่าว เป็นรถชนิดใด โดยผลตรวจครั้งแรก บริษัทจากัวร์ ฯ ไม่เจอข้อมูลรถดังกล่าวในฐานข้อมูล มีการระบุว่าหากมีข้อมูลเพิ่มจะเรียกมาตรวจสอบใหม่ และระบุเป็นรถจากอุปกรณ์ชิ้นส่วนเก่า เมื่อมีผู้ร้อง จึงต้องเข้าไปตรวจให้ปรากฎข้อเท็จจริงที่ชัดเจน

สำหรับรถดังกล่าว มีการจดทะเบียนเป็นรถจากัวร์ รุ่นแพนเธอร์ นำมาให้ดีเอสไอตรวจเมื่อปี 56 ในกลุ่มรถหรูที่มีราคาเกิน 4 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีกว่า 500 คัน ผลตรวจจากบริษัทจากัวร์ เบื้องต้นไม่พบเลขตัวถังและเครื่องยนต์ในฐานข้อมูล และบริษัทจากัวร์ประเทศไทยได้ ขอตรวจสอบกับบริษัทแม่ ปรากฎข้อเท็จจริง ยืนยันไม่ใช่รถจากัวร์ แต่ขั้นตอนจดประกอบ แสดงในเอกสารนำเข้าเป็นยี่ห้อ จากัวร์ แต่จดประกอบเป็นยี่ห้อแพนเธอร์ แต่พอจดทะเบียน มีการจดทะเบียนเป็นรถจากัวร์ (แพนเธอร์) ซึ่งในข้อเท็จจริง รถจากัวร์ กับรถแพนเธอร์ เป็นคนละบริษัทกัน ไม่มีรถจากัวร์รุ่นแพนเธอร์ รถแพนเธอร์ เป็นยี่ห้อรถที่รูปร่างเป็นเหมือนรถโบราณ แต่สมรรถนะเป็นเครื่องยนต์ในระดับเดียวกับรถสมัยใหม่