12 ก.พ.59 มีรายงานว่า เฟซบุ๊ค "在東京タイ王国大使館 สถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น"ได้โพสต์จดหมายจากผู้ต้องโทษคดีลักลอบนำเข้ายาเสพติดในญี่ปุ่นมาลงตามความประสงค์ของผู้ต้องโทษ ซึ่งต้องการเผยแพร่ประสบการณ์ตรง เริ่มตั้งแต่ที่ประเทศไทยจนถูกจับกุมและต้องกลายเป็นนักโทษที่เรือนจำญี่ปุ่น โดยมีข้อความ ดังนี้
ถึง พี่น้องคนไทยทุกคน ถึงผู้หญิงไทยที่ต้องทำงานกลางคืนและทุกคนติดต่อชาวต่างชาติ โปรดระวัง ฉันถูกคนผิวดำหลอกลวงให้นำยาเสพติดมาส่งที่ญี่ปุ่น จนทำให้ต้องมาเป็นนักโทษในสิ่งที่ไม่ได้ทำและต้องมาทนทุกข์ทรมานใจอยู่ในห้องอยู่คนเดียว ขอให้คนไทยที่ต้องเกี่ยวข้องกับพวกชาติผิวดำ หรือนิโกร อย่าได้ไว้วางใจ เพราะเขาใช้ธีการที่แนบเนียนและแยบยลมาหลอกฉัน คนที่สติปัญญาดีก็ยังคิดไม่ถึง ฉันขอเล่าประสบการณ์ที่เจ็บปวดนี้เพียงคร่าวๆ มันมาทำความรู้จักในคราบนักบุญ วันนึงช่วงเดือนกันยาปี 57 โดยบอกว่าอยากช่วยเหลือฉันเรื่องงาน เพราะฉันและครอบครัวลำบาก เขาใช้วิธีการ และคำพูดดี มาสารพัด โดยให้ฉันเดินทางไปรับสินค้า ซึ่งบอกว่าเป็นของใช้ผู้หญิงที่ฮ่องกง ฉับรับมาและเปิดดูจนแน่ใจว่ามันคือกระเป๋าสะพายใหม่ๆ ทุกใบห่อหุ้มด้วยกระดาษขาวบางและพลาสติกจำนวน 20 ใบ
จากนั้นเขาให้ฉันนำของดังกล่าวมาที่ญี่ปุ่น จนถูกเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรตรวจพบว่าส่วนด้านหลังกระเป๋าสะพายแต่ละใบมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ด้วยวิธีการที่แบบเนียน แม้ฉันยืนยันกับเจ้าหน้าที่ทุกคนว่าไม่รู้เรื่องด้วยทุกอย่างคิดว่ามันเป็นเงินสุจริตใจเลยรับมาทำ ไม่คิดถึงว่าจะมีการลงทุนเอายาซ้อนในกระเป๋าใหม่ๆ และไม่คิดว่าพวกเขาจะหลอกผู้หญิงเพียงเพื่อความเห็นแก่ตัว แต่ฉันก็ต้องยอมรับในความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวเอง วันนี้เลยต้องตกมาเป็นแพะรับบาปในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ซึ่งเป็นเพี่ยงบางส่วนเท่านั้น ฉันพร้อมรับคำวิจารณ์จากทุกคน หากความโง่ของฉันทำให้ทุกคนฉลาดขึ้นและเก็บไว้เป็นเรื่องเตือนใจ อย่าคิดว่าเรื่องแบบนี้หรือเรื่องบังเอิญจะไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง
ฉันขอให้คุณจงอย่าใช้ชีวิตประมาท เรื่องทุกเรื่องเกิดขึ้นได้เสมอ ตัวฉันยังเป็นนักศึกษากำลังเรียนและขอยืนยันสาบานว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดเลย แต่ฉันทำงานกลางคืน เพราะฐานะครอบครัวที่ลำบาก แม่ฉันป่วยเพราะผ่าหัวใจและมีโรคแทรกซ้อน
สุดท้ายนี้ ฉันขอฝากพี่น้องคนไทยที่รักทุกคนไม่ว่าขณะนี้จะเป็นอะไร จะทำอะไร ที่ไหน จงอย่าประมาทกับชีวิต ไม่แน่ใจอย่าทำ มีสติและรู้ตัวเสมอ เพราะถ้าได้เจอกับความสูญเสียอิสรภาพ ครอบครัว คนรัก มันเจ็บทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
ฉันหวังว่าข้อความนี้จะเป็นประโยชร์ไม่มากก็น้อย ฉันขอให้ทุกคนระวังตัวจากคนพวกนี้อย่าได้พบเจอกับความสูญเสีย ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เหมือนตายทั้งเป็น เหมือนฉันเจ็บจนแทบเป็นบ้า นี้คือเรื่องจริงจากนักโทษหญิงไทย ฉันไม่ได้แต่งเรื่องมาพูดเฉยๆเพื่อหวังสิ่งใด