สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ในปี 2556 ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับดีเอสไอในคดีเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมนำเข้ารถหนีภาษี ทำให้ทราบว่า รถหรูราคาแพง หนึ่งใน 6,757 คันนั้น มีชื่อของสมเด็จฯช่วงเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และครอบครองเอาไว้เป็นชื่อของตนเอง โดยข้อมูลในชั้นสืบสวนพบว่า มีการทำนิติกรรมอำพราง สำแดงหลักฐานเป็นเท็จว่า รถเมอร์เซเดสเบนซ์ หมายเลขทะเบียน ขม. 99 ขนาดเครื่องยนต์ 3,000 ซีซี ที่สำแดงว่าเป็นอะไหล่รถยนต์เก่า แต่แท้จริงเป็นการนำเข้ามาทั้งคัน เนื่องจากรถยนต์เก่าการถอดชิ้นส่วนมีโอกาสที่อะไหล่จะชำรุด และหาอะไหล่ชิ้นใหม่มาทดแทนไม่ได้ รวมทั้งไม่สามารถนำชิ้นส่วนมาประกอบใหม่ได้ การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ศุลกากร มาตรา 27 ฐานสำแดงเอกสารเท็จ หลีกเลี่ยงอากร ลักลอบนำเข้าสินค้าหนีด่านศุลกากรออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนและเขตปลอดอากร ต้องระวางโทษปรับ 4 เท่าของอากรที่หลบเลี่ยงจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
"เดิมสมเด็จฯช่วง อาจจะอ้างได้ว่าไม่รู้ว่ารถคันนี้นำเข้ามาโดยหนีภาษี หรือมีการสำแดงเท็จเพราะเป็นเรื่องของฆราวาส แต่เมื่อปรากฎข้อมูลข่าวชัดเจนจะอ้างไม่รู้ไม่เห็นต่อไปไม่ได้ การไม่ส่งคืนรถให้ทางราชการจะถือว่ายินดีรับไว้ ซึ่งผิดวินัยสงฆ์ต้องปาราชิกสิขาบทที่ 2 ปรับอาบัติ เปรียบเทียบได้กับการรับของโจรของฆราวาส"