สาวนักธุรกิจแจ้งจับ พล.ต.พ่อ "บี มาติกา"
นางเอกชื่อดังช่อง 7 สี ฐานทำร่างกายลูกสาววัย 10 เดือน เผยขณะเกิดเหตุพ่อดาราคนดังตบตีคนใช้เพื่อนบ้านขณะอุ้มเด็กจึงถูกลูกหลง ระบุสาเหตุนายพลยัวะเพราะคนใช้คู่กรณีหลังลาออกนำเรื่องขัดแย้งเงินค่าจ้างไปเล่าให้ชาวบ้านฟัง
เหตุการณ์สาวนักธุรกิจแจ้งความให้ดำเนินคดีพ่อของนางเอกชื่อดังทางช่อง 7 สี
ฐานทำร้ายร่างกายลูกสาววัย 10 เดือน ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 20 กรกฎาคม นางวัชรา กาหยี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/89 หมู่บ้านซื่อตรง 28 ซอยนวมินทร์ 143 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. อาชีพทำธุรกิจปลูกผักไร้สารจำหน่าย พร้อมกับ น.ส.หนูเรียน เศษจำปา หรือเล็ก อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/2 ต.บ้านปาง อ.สังคม จ.หนองคาย อดีตแม่บ้านของ น.ส.มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ หรือบี นางเอกชื่อดังทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และ น.ส.บุญหลาย ปาวะรังค์ อายุ 28 ปี เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ต.วิวัฒน์ เพชรี ร้อยเวร สน.โคกคราม ให้ดำเนินคดี พล.ต.พิษณุ อรรถกรศิริโพธิ์ ที่ปรึกษาลอนสมาคมเทนนิสแห่งประเทศไทย พ่อของ น.ส.มาติกา ฐานทำร้ายร่างกาย ด.ญ.แมรี่ เฟรย์ อายุ 10 เดือน ได้รับบาดเจ็บที่แก้มซ้ายและแขนขวา
นางวัชรา กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนเดินทางไปนั่งวิปัสสนาที่ จ.ตรัง
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ระหว่างนั้นมีโทรศัพท์เข้าเครื่องของน้องสาวบอกว่า น้องแมรี่ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ ตนจึงเดินทางกลับมาบ้านพัก ก่อนสอบถาม น.ส.บุญหลาย พี่เลี้ยงของน้องแมรี่ จนทราบว่าลูกสาวถูกลูกหลงจากการที่ พล.ต.พิษณุ เข้าไปทำร้ายร่างกาย น.ส.หนูเรียน ซึ่งเป็นสาวใช้ในหมู่บ้าน ในขณะที่กำลังอุ้มลูกสาวของตนอยู่
นางวัชรา กล่าวว่า
จากนั้นตนได้พาน้องแมรี่ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสินแพทย์ จากการตรวจร่างกายพบว่า น้องแมรี่มีร่องรอยช้ำที่แก้มซ้าย และแขนขวามีรอยขีดข่วน ซึ่งความจริงตนไม่อยากแจ้งความให้ดำเนินคดี เนื่องจากครอบครัวของตนกับครอบครัวของ น.ส.มาติกา เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมาตลอดระยะเวลา 10 ปี
แต่หลังเกิดเหตุ พล.ต.พิษณุ ก็ไม่ได้มาดูแลและขอโทษ
จึงปรึกษา นายแกรี่ รัทแลนด์ สามีชาวอเมริกัน เป็นผู้จัดการบ่อน้ำมันเชฟรอนไทยแลนด์ ที่ประจำอยู่ประเทศสิงคโปร์
นางวัชรา กล่าวอีกว่า เมื่อสามีทราบเรื่องก็ไม่พอใจกับการกระทำของ พล.ต.พิษณุ เป็นอย่างมาก
จึงให้ตนเข้าแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นหาก พล.ต.พิษณุ ไม่มีเจตนาทำร้ายร่างกายน้องแมรี่ ก็ควรพาน้องแมรี่ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาและมาขอโทษ แต่หลังเกิดเหตุกลับนิ่งเฉยและไม่ไปมาหาสู่เหมือนปกติ ซึ่งก่อนหน้านั้น พล.ต.พิษณุ น.ส.มาติกา พี่ชาย และคนในครอบครัว จะมาที่บ้านพูดคุยและหยอกล้อกับน้องแมรี่อยู่เป็นประจำทุกวัน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ พล.ต.พิษณุ ไม่พอใจและทำร้ายร่างกาย น.ส.หนูเรียน นั้น
ฉันไม่ทราบว่าเกิดจากเรื่องใด แต่ลูกฉันต้องมาได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณที่เกิดขึ้น ซึ่งก็เฝ้ารอให้ พล.ต.พิษณุ มาขอโทษเป็นเวลา 3 วันแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แวว จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป นางวัชรา กล่าว
น.ส.บุญหลาย เล่าว่า
ก่อนเกิดเหตุตนพาน้องแมรี่ไปนั่งเล่นที่ร้านเสริมสวยป้าน้อย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ 10 เมตร ขณะนั้นภายในร้านดังกล่าวมี น.ส.หนูเรียน และเพื่อนบ้าน รวม 5 คน ขณะที่ น.ส.หนูเรียน กำลังอุ้มน้องแมรี่อยู่นั้น พล.ต.พิษณุ ก็เดินปรี่เข้ามาในร้านด้วยท่าทีขึงขัง ในมือขวาถือไม้กอล์ฟมาด้วย จากนั้นก็เรียก น.ส.หนูเรียน ให้ออกไปนอกร้าน แล้วลงมือตบตี น.ส.หนูเรียน ซึ่งอุ้มน้องแมรี่ไว้ในอ้อมกอด ทำให้น้องแมรี่ถูกตบเข้าที่แก้มซ้ายอย่างแรง และร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
น.ส.บุญหลาย กล่าวอีกว่า
ขณะนั้นตนรู้สึกตกใจและกลัวน้องแมรี่จะได้รับบาดเจ็บ จึงเดินเข้าไปอุ้มน้องแมรี่กลับมา จากนั้น พล.ต.พิษณุ ก็เดินเข้าไปตบตี น.ส.หนูเรียน อีก 1 ครั้งจนพอใจ แล้วเดินเข้ามาปลอบน้องแมรี่ที่ร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวด แต่น้องแมรี่ไม่หยุดร้อง พล.ต.พิษณุ จึงเดินกลับบ้านไป
เบื้องต้นตนพาน้องแมรี่กลับมาปฐมพยาบาลที่บ้าน
โดยใช้นำแข็งประคบที่บริเวณใบหน้า และนำเรื่องดังกล่าวแจ้งให้นางวัชราทราบ
ด้าน น.ส.หนูเรียน กล่าวว่า
ก่อนหน้านี้ตนทำงานเป็นแม่บ้านให้ครอบครัวของ น.ส.มาติกา มาเป็นเวลาประมาณ 3 ปี ได้เงินเดือนเดือนละ 4,000 บาท แต่ช่วงหลังครอบครัวของ น.ส.มาติกา ไม่ได้ให้เงินเดือนเลย ตนจึงเข้าแจ้งความเพื่อต้องการเรียกร้องเอาเงินเดือนคืน เนื่องจากค้างเงินเดือนไว้ 30,000 บาท ซึ่งขณะนี้ตนไม่ได้ทำงานเป็นแม่บ้านให้ครอบครัวของ น.ส.มาติกา แล้ว นอกจากนี้ตนอยากให้ตำรวจเข้ามาดูแลความปลอดภัยให้ เพราะถูกผู้ไม่หวังดีโทรศัพท์มาข่มขู่ด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า
ก่อนหน้านี้ น.ส.หนูเรียน เคยเป็นคนรับใช้ที่บ้านของ พล.ต.พิษณุ แต่ระยะหลังเกิดความเข้าใจผิดกันในเรื่องอัตราเงินค่าจ้าง จนทำให้ น.ส.หนูเรียน ลาออกไปเป็นคนใช้บ้านอื่นในละแวกใกล้เคียง ขณะเดียวกันก็นำเรื่องดังกล่าวไปเล่าให้ชาวบ้านฟัง เมื่อ พล.ต.พิษณุ ทราบเรื่องจึงไม่พอใจเลยก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
สำหรับน้องแมรี่ มีผลงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ของห้างเซ็นทรัล พลาซา ในวาระครบรอบ 60 ปี อีกทั้งยังมีนิตยสารหลายฉบับติดต่อเข้ามาอีกด้วย
ขณะที่ ร.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า
พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง และขอผลทางแพทย์ที่ ด.ญ.แมรี่ ถูกทำร้ายร่างกายและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสินแพทย์ เพื่อนำมาใช้เป็นหลักฐาน โดยในวันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคมนี้ พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียก พล.ต.พิษณุ มารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดทำร้ายร่างกายผู้อื่นทำให้เกิดอันตรายแก่กาย ซึ่งหากใครผิดก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง
พล.ต.พิษณุ กล่าวชี้แจงว่า
น.ส.หนูเรียน ทำงานที่บ้านประมาณ 1 ปี ต่อมาโดนไล่ออกเมื่อประมาณเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านมา น.ส.หนูเรียนได้โทรศัพท์มารังควานเพื่อของานทำตลอดเวลาอีกทั้งยังชอบไปพูดกับเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงว่า ครอบครัวค้างเงินเดือน และเมื่อ 2 วันที่ผ่านมายังโทรศัพท์มารบกวนภรรยาที่บ้านอีก ทำให้รู้สึกรำคาญ พร้อมพูดไปด้วยอารมณ์โมโหว่าอย่ามารบกวน และมายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวอีก
ในวันเกิดเหตุผมเดินออกกำลังกาย และเจอ น.ส.หนูเรียน
จึงจะเดินเข้าไปพูดคุย เพื่อห้ามปรามไม่ให้มายุ่งกับครอบครัวอีก แต่เขากลับเดินเข้าไปในร้านเสริมสวย และเอาเด็กมาอุ้ม โดยเด็กคนนี้เป็นเด็กลูกครึ่งที่ครอบครัวผมรู้จักพ่อแม่เขาเป็นอย่างดี เมื่อผมเดินตามเข้าไปจึงเงื้อมมือฟาดไป 1 ที แต่ น.ส.หนูเรียนหลบ ทำให้พลาดมือไปเฉี่ยวเด็กคนนี้
จากนั้นผมได้แย่งเด็กมาอุ้ม เพื่อพากลับบ้าน
และตั้งใจจะไปขอโทษพ่อ-แม่ของเขา แต่บ้านปิด หลังจากนั้นผมพยายามโทรหาพ่อ-แม่เด็กหลายครั้งเพื่อขอโทษ แต่ไม่มีใครรับสาย จนกระทั่งผมไปทำธุระที่เชียงใหม่ และมารู้ว่าถูกแจ้งความ เรื่องนี้ผมพร้อมจะขอโทษ เพราะไม่ได้ตั้งใจ และพร้อมจะชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น พล.ต.พิษณุ กล่าว