บึมรถทหาร บาดเจ็บ8นาย

สถานการณ์ใต้เริ่มเลวร้ายหนัก


เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 19 ก.ค. ขณะที่นายนิอาลี นิแระ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 6 บ้านบาโงดุดุง ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส นั่งเล่นที่ระเบียงหน้าบ้าน ถูกคนร้ายซุ่มยิงบาดเจ็บสาหัส ญาตินำส่ง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เชื่อเป็นฝีมือโจรใต้สร้างสถานการณ์


เกิดเหตุระเบิดอีกราย เวลาไล่เลี่ยกัน

พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก. สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สว.นปพ. ภ.จ.นราธิวาส นำกำลังตำรวจ ทหาร และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดชุด “เหยี่ยวดง” และเจ้าหน้าที่กองวิทยาการ เขต 45 ไปตรวจสอบเหตุระเบิดบนถนนเขตรอยต่อระหว่างบ้าน นาดา หมู่ 3 ต.รือเสาะ กับบ้านกำปงบารู หมู่ 8 ต.เรียงพบหลุมกลางถนนลึกราว 1 เมตร กว้าง 1.50 เมตร มีเศษชิ้นส่วนระเบิดและเศษถังดับเพลิง แบตเตอรี่ กระจายเกลื่อน และพบสายไฟฟ้าลากยาวจากสวนยางพารา ประมาณ 100 เมตร ใกล้กันมีรถกระบะอีซูซุ ทะเบียน บง 2493 ยะลา จอดอยู่ถูกแรงระเบิดพังยับเยินทั้งคัน

นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนอาก้าและเอ็ม 16 กว่า 50 ปลอก

ตกเกลื่อนในสวนยางพารา  สอบสวนทราบว่า เมื่อคืนวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมาขณะกำลังทหารชุดสันติสุขและหน่วยรบพิเศษ รวมทั้งชุด ชรบ.นั่งรถกระบะกลับจากคุ้มกันการแข่งขันฟุตบอลที่โรงเรียนบ้านยะปะ เขตเทศบาลตำบลรือเสาะ ถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้ฝังระเบิดไว้ก่อนจุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ และใช้อาวุธสงครามยิงถล่มซ้ำเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย ขณะเดียวกันคนร้ายอีกกลุ่มใช้ระเบิดเอ็ม 79 ยิงถล่มฐานทหารชุดดังกล่าว ตั้งอยู่ภายในโรงเรียนบ้านรือเสาะ ห่างจากจุดระเบิดประมาณ 800 เมตร เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครได้รับอันตรายใดๆ




ส่วนความคืบหน้าคดีจับกุมผู้ต้องหามือวางระเบิด 7 คน ที่โรงเรียนอิสลามบูรพา

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมานั้น จากการสอบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 4 คน คือ 1. นายอาแว มะดีเยาะ อายุ 61 ปี 2. นายยะโก๊ะ มะยี อายุ 56 ปี 3. นายอารง มะยูโซ๊ะ อายุ 27 ปี และ 4. นายฮารง มะยูโซะ อายุ 27 ปี คุมตัวสอบสวนขยายผลต่อไป


ทางด้าน จ.ปัตตานี พ.ต.ท.โกวิท รัตนโชติ รอง ผกก.(สส.) สภ.อ.ยะหริ่ง

พ.ต.อ.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รอง ผบก. และชุดเก็บกู้ระเบิด ไปตรวจสอบเหตุระเบิดริมถนนสายปัตตานี-นราธิวาส หน้าโรงเรียนบ้านโต๊ะตีแต หมู่ 2 ต.ตันหยงจืองา พบหลุมระเบิดกว้าง 60 ซม. มีสะเก็ดระเบิดกระจายทั่วบริเวณ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย สอบสวนได้ความว่า ขณะกำลังตำรวจชุดคุ้มครองครู สภ.อ.ยะหริ่ง 6 นาย กระจายกำลังดูแลความสงบที่หน้าโรงเรียน ปรากฏว่าคนร้ายกดชนวนระเบิดด้วยรีโมต คอนโทรลเสียงดังสนั่น ทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่ครูและนักเรียน ต่างตกใจวิ่งหนีโกลาหล โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย เชื่อว่าคนร้ายมุ่งเจ้าหน้าที่เพื่อสร้างสถานการณ์ 



ส่วน จ.ยะลา ร.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ เอี่ยมอ่อน

ร้อยเวรสภ.ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา พ.ต.ต.สมปราช กรรณกานนท์ สว.หน. นำกำลังไปสอบสวนเหตุยิงกันที่บ้านเลขที่ 31 บ้านอูแตบาโงย หมู่ 7 ต.เกะรอ พบแต่เลือดกองอยู่บนเก้าอี้นวมในห้องนั่งเล่น ผู้ถูกยิงชื่อนายมะแอเปาะลอ อายุ 29 ปี ถูกยิงด้วยปืนเอชเค .33 เข้าที่ชายโครงซ้ายหลายนัด ญาตินำส่ง รพ.รามัน แล้วเสียชีวิตในภายหลัง สอบสวนทราบว่า ผู้ตายมีอาชีพขายของตามตลาดนัด ถูกคนร้ายซุ่มยิงขณะนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องนั่งเล่น ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี

พร้อมกันนี้ได้มีการลงพื้นที่โดย

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช.เดินทางประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกล่าวว่า ผลการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง และการลงมาครั้งนี้ได้มีการย้ำเตือนฝ่ายเจ้าหน้าที่ให้มีการทำงานที่รัดกุมให้มากยิ่งขึ้น ส่วนแนวร่วมที่อยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ หลังการควบคุมแล้วจะได้ทำความเข้าใจต่อกัน เพื่อให้รับทราบถึงข้อ เท็จจริงต่อไป


ส่วนกลุ่มก่อความไม่สงบที่ยังอยู่ในพื้นที่ป่าเขา

พล.อ.สนธิกล่าวว่า  ขณะนี้กลุ่ม ก่อความไม่สงบเริ่มเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ต้องเร่งกดดันอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้กลุ่มก่อความไม่ สงบเข้ามาอยู่ในพื้นที่ได้อีก โดยประสานทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้านช่วยดูแลบุคคลแปลกหน้าที่จะเข้ามาในหมู่บ้าน ขณะนี้ประชาชนเริ่มที่จะให้ข้อมูลข่าวสารแก่ ทางเจ้าหน้าที่มากขึ้น


จากนั้น ผบ.ทบ.เดินดูของกลางอาวุธต่าง ๆ

ที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 41 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา บุกยึดจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เมื่อเช้าวันที่ 18 ก.ค. ในพื้นที่เขตรอยต่อระหว่าง อ.รามัน จ.ยะลา กับ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยของกลางที่ยึดได้มีปืนเอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอกพร้อมกระสุน 239 นัด ปืน .22 จำนวน 1 กระบอก ซองกระสุน วิทยุสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ รถจักรยานยนต์ที่เตรียมทำ จยย.บอมบ์ 5 คัน และยาเวชภัณฑ์จำนวนมาก 


ก่อนหน้านั้น พล.อ.สนธิให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6

 
ก่อนเดินทางไปภาคใต้ด้วยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่เนื่อง จากที่ผ่านมา กอ.รมน.ภาค 4 ทำงานได้ผล ต้องไปดูข้อเท็จจริงของความสำเร็จว่ามีตรงไหนบ้าง เพื่อพัฒนาให้มากขึ้นรวมทั้งมีปัญหาที่กองทัพบก และ กอ.รมน.จะช่วยสนับสนุนอะไรได้บ้าง ปัญหาด้านยุทธวิธีต้องควบคุมปัญหาภาคใต้ให้อยู่ในพื้นที่ 


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าโจรใต้จะก่อเหตุใน กทม.

พล.อ.สนธิกล่าวว่า ตนไม่เคยพูดเรื่องนี้ เพียงแต่บอกว่าสถานการณ์การก่อการร้ายในปัจจุบันมันเกิดจากชาติพันธุ์ เราอย่ากระจายชาติพันธุ์นั้นเข้ามายัง กทม. เราจะต้องควบคุมในพื้นที่ ต้องไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ทั้งนี้ ข้อมูลที่รวบรวมได้พบว่ากลุ่มผู้ก่อการทำงานในพื้นที่ที่จำกัด ไม่ขยายขึ้นมา ส่วน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานสัมมนา “บทบาทของมุสลิมในการสร้างความสมานฉันท์ระหว่างศาสนา” โดยมีนายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์จุฬาราชมนตรี อญาโตลลอฮ์ตัชกีรีเลขาธิการสมาพันธ์โลกเพื่อความสมานฉันท์ของสำนักคิดอิสลาม นายโมห์เซน พาคาอีน เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทย และคณะผู้เชี่ยวชาญทางศาสนาจากอิหร่านเข้าร่วมสัมมนา


ทั้งนี้ พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวระหว่างเปิดสัมมนาตอนหนึ่งว่า

ปัจจุบันนี้ศาสนาอิสลามและชุมชนไทยมุสลิมเป็นส่วนสำคัญของประเทศไทย สังคมไทยให้ความเคารพและสนับสนุนการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ พระมหากษัตริย์ ไทยทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกของทุกศาสนา รัฐบาลก็มีนโยบายให้สิทธิแก่ประชาชนในการนับถือศาสนาต่างๆได้อย่างเสรี รัฐบาลไทยตระหนักดีว่าสังคมไทยเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมจึงให้ความสำคัญในการส่งเสริมและธำรงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ทางศาสนา สำหรับอิสลามและวัฒนธรรมมุสลิมนั้นรัฐบาลได้สนับสนุนกิจการในด้านต่างๆ มาโดยตลอด 


นายกรัฐมนตรีกล่าวปิดท้ายด้วยว่า

รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิม รัฐบาลได้น้อมรับแนวทางพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาดำเนินการโดยเน้น “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เป็นหลักสำคัญในการดำเนินงาน โดยเน้นหลักการสมานฉันท์และสันติวิธีเพื่อให้เป็นสังคมที่มีความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรมมีความร่มเย็นเป็นสุข


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์