องคมนตรีย้ำจัดเรตติ้งทีวี ยึดประโยชน์เด็กมากกว่ากำไร

วานนี้ (18 ก.ค.) นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.)


มีมติให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ จัดระดับความเหมาะสมของสื่อโทรทัศน์ หรือเรตติ้ง ว่าการจัดเรตติ้งไม่ควรทำเฉพาะรายการโทรทัศน์เท่านั้น แต่ควรจัดประเภทสิ่งที่เด็กควรได้รับและไม่ควรได้รับ โดยยึดหลักคิดใหญ่ว่า เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กที่จะสามารถคิดอะไรเองได้ทั้งหมด แต่อยากให้มองว่าเด็กคือชีวิตที่กำลังเจริญเติบโต คือสิ่งที่มีคุณค่าของประเทศของสังคม ไม่ใช่เฉพาะครอบครัว ฉะนั้นผู้ใหญ่ต้องช่วยกันรับผิดชอบการเจริญเติบโตของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่บนท้องถนนจะต้องช่วยดูแลเด็กทุกคน แม้จะไม่ใช่ลูกหลานตัวเอง ยกตัวอย่างในต่างประเทศ นโยบายเกี่ยวกับเด็กไม่ว่าจะเป็นของรัฐ เอ็นจีโอ หรือภาคเอกชน จะให้อภิสิทธิ์กับเด็กเป็นกรณีพิเศษ เพราะถือว่าเด็กเป็นสิ่งมีค่าของประเทศ  

องคมนตรี กล่าวว่า การจัดเรตติ้งควรมีแน่นอน


ส่วนรายละเอียดจะจัดอย่างไรให้ทุกคนมีความสุข ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการ แต่ขอย้ำให้ทุกฝ่ายยึดหลักคิดใหญ่ว่าการจัดเรตติ้งต้องเน้นประโยชน์ต่อสังคม ต่อเด็กมากกว่าผลกำไร ขาดทุน ต้องมองเด็กเป็นสิ่งมีค่า ช่วยกันหวงแหน ฟูมฟัก อารยธรรมคือความเจริญงอกงามทางจิตใจ ไม่ใช่วัตถุ ส่วนความเหมาะสมให้ละครทีวี หรือรายการสำหรับผู้ใหญ่ออกอากาศหลัง 22.00 น. เป็นเรื่องเทคนิค อยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำวิจัยรองรับก่อนออกมาเป็นนโยบายให้ชัดเจนกว่านี้   

นพ.เกาม กล่าวด้วยว่า การทำงานของสื่อมวลชนต้องคิดด้วยว่า


นอกจากจะผลิตงานกี่ชิ้น ได้กำไรกี่บาทแล้ว จะเกิดผลกระทบบวกหรือลบต่อสังคม จะกำไรไปทำไมถ้าหากเด็กเป็นคนเลวหมด จึงเป็นคำถามใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องตอบ และนอกจากการจัดเรตติ้งแล้ว การพูดและการแสดงออกพิธีกร ผู้ประกาศในการใช้ภาษาไทยผ่านทางสื่อทีวี ต้องใช้อย่างถูกต้องด้วย เพราะเด็กจะเลียนแบบ ถ้าพูดดีเด็กเลียนแบบดี ถ้าพูดแล้วไม่ชัดหรือสองแง่สามง่ามก็จะทำตาม ผู้ผลิตรายการต้องระมัดระวังการแสดงออกเหล่านี้ด้วย และเห็นด้วยที่ วธ.ได้มีการจัดอบรมสัมมนามารยาท การไหว้ และการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องให้กับพิธีกร ผู้ประกาศข่าวในปัจจุบัน

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์