คุณอังคณา นีละไพจิตร ภรรยา คุณสมชาย นีละไพจิตร นักสิทธิมนุษยชน ที่หายตัวไป เดินทางมาฟังคำพิพากษา ในคดีที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
พ.ต.ต.เงิน ทองสุก อดีต สว.กอ.รมน. ช่วยราชการกองปราบปราม
พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์ อดีตพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 4 กองปราบปราม
จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง อดีตผบ.หมู่งานสืบสวน แผนก 4 กองกำกับการ 2 ตำรวจท่องเที่ยว
จ.ต.อ.รันดร สิทธิเขต อดีตเจ้าหน้าที่ธุรการกองกำกับการ 4 กองปราบปราม และ
พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน อดีตรองผกก.3 กองปราบปราม (ยศในขณะนั้น)
ในฐานความผิดร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดและร่วมกันข่มขื่นใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดโดยใช้กำลังประทุษร้าย จากกรณีการอุ้มหายตัวไปของคุณสมชาย เมื่อปี 2547 คดีนี้ชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุก 3 ปี พ.ต.ต.เงิน ทองสุก จำเลยที่ 1 เพียงคนเดียว ขณะที่จำเลยคนอื่นศาลยกฟ้อง ส่วนศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งยกฟ้องจำเลยทั้งหมด ขณะที่ พ.ต.ต.เงิน ทองสุก ถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลสาบสูญ ขณะที่ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกายกฟ้องจำเลยทั้งหมด ซึ่งถือเป็นกระบวนการสุดท้ายของคดีคุณอังคณา บอกว่า ต่อสู้มา 11 ปี 9 เดือน ถึงแม้ว่าคดีนี้จะไม่พบตัวคุณสมชาย ทำให้การต่อสู้ยากลำบาก เมื่อมีผลเป็นลบ จะศึกษารายละเอียดคำพิพากษาเพื่อเดินหน้าหาคนรับผิดชอบต่อไปคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ 12 มีนาคม 2547 ทนายสมชาย หายตัวไปอย่างลึกลับจากข้อเท็จจริงของพยาน ยืนยันว่า ครั้งสุดท้ายที่เห็นทนาย คือ เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 12 มีนาคม 2547 ซึ่งทนายนายสมชายได้เดินทางไปยังโรงแรมในย่านลาดพร้าว เพื่อรอพบเพื่อน แต่เมื่อเพื่อนไม่มาตามเวลาที่กำหนด นายสมชายจึงตัดสินใจขับรถไปนอนพักค้างคืนที่บ้านเพื่อนอีกคน ที่นัดหมายล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ทว่า ระหว่างทางได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 5-6 คน ขับรถยนต์สะกดรอยติดตามมาในระยะกระชั้นชิดก่อนเร่งเครื่องพุ่งชนท้ายรถทนายเต็มแรง
ทนายสมชาย ได้หยุดรถเพื่อลงมาพูดคุยกับคู่กรณี แต่กลุ่มชายฉกรรจ์กลับเข้าทำร้ายร่างกายโดยการชกท้อง และพยายามผลักตัวของคุณสมชายให้เข้าไปในรถยนต์ ขณะที่หนึ่งในคนร้าย แยกตัวไปขับรถของคุณสมชายทันที แม้จะมีเสียงตะโกนให้ปล่อยตัวจากทนายและดิ้นรนต่อสู้ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกนำตัวเข้าไปในรถของคนร้าย นับจากนั้นมาก็ไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลยทนายสมชาย เป็นผู้ทำคดีสำคัญทางภาคใต้ และเปิดโปงพฤติกรรมของตำรวจ
โดยคดีดังคือการออกมาเปิดโปงเจ้าพนักงานที่ทรมานผู้ต้องหาปล้นปืน-เผาโรงเรียน โดยเฉพาะ 5 ผู้ต้องหา คดีปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ซึ่งทั้งหมดร้องเรียนว่า ถูกนายตำรวจชุดจับกุมซ้อมจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้วยวิธีทารุณต่างๆ จนกระทั่งต้องยอมรับหลังการหายตัวไปของประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิมผู้นี้ มีการตั้งคณะทำงานเพื่อสืบหาร่องรอยจากหลายส่วน ทั้งกองบัญชาการสอบสวนกลาง และชุดติดตามสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ส่งทีมพิเศษหาหลักฐานมัดผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ 11 ปี 9 เดือนที่ผ่านมากลับไม่สามารถหาตัวผู้บงการได้