อุกกาบาต ดิ่งใส่ไทย ดาวตก-ผีพุ่งใต้ ธรรมชาติ ลางร้าย?


 

เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.40 น.


คนไทยจำนวนหนึ่งทางแถบภาคกลางตอนบนและแถบภาคเหนือ พบเห็น  “ลูกไฟ” แสงสีเขียว-น้ำเงิน เป็นสายยาวสว่างจ้าเคลื่อนผ่านท้องฟ้า และในบางจุดก็มีผู้พบ “ก้อนหินประหลาด” โดยชาวบ้านบางคนเชื่อว่าอาจจะเป็นวัตถุจากนอกโลก ?!?
 
ลูกไฟที่พบเห็นเหนือฟ้าในครั้งนี้...คือ “ดาวตกขนาดใหญ่”
 
หากมีชิ้นส่วนเหลือร่วงสู่พื้นดินจริง...ก็คือ “ลูกอุกกาบาต”
 
ในทางดาราศาสตร์นั้น แสงสว่างที่มองเห็นได้บนท้องฟ้า ที่ไม่ใช่ ดวงจันทร์หรือดวงดาวที่รู้จักกันอยู่แล้ว ก็มีอยู่หลายแบบ เช่นแบบที่เห็นได้จาก “ดาวหาง (comet)” หรือจาก “ฝนดาวตก (meteor shower)” ที่เกิดจากธารของเศษฝุ่นต่าง ๆ ที่ดาวหางได้ทิ้งเอาไว้เป็นทางในช่วงโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์

สำหรับ ดาวตก (meteor) หรือ อุกกาบาต หรือ ผีพุ่งไต้


ก็เป็นวัตถุในอวกาศอีกชนิดที่เมื่อวิ่งเข้าสู่โลกจะเห็นแสง เกิดจากฝุ่นหรือหินในอวกาศพุ่งเข้าหาโลกและเสียดสีกับชั้นบรรยากาศจนเกิดลุกไหม้เป็นลูกไฟ ซึ่งดาวตกโดยทั่วไปจะมีความเร็วประมาณ 15 กม./วินาที และเสียดสีลุกไหม้และระเหิดเป็นไอ
 
วัตถุที่ตกสู่บรรยากาศโลกมักจะระเหิดหายไปที่ระดับความสูงกว่า 100 กม.จากพื้นดิน แต่ถ้ามีขนาดใหญ่มากก็อาจมีส่วนหลงเหลือตกถึงพื้นดิน เรียกว่า “ลูกอุกกาบาต (meteorite)” โดยลูกอุกกาบาตจะมี 3 ชนิดใหญ่ ๆ คือ...ลูกอุกกาบาตหิน, ลูกอุกกาบาตเหล็ก, ลูกอุกกาบาตหินปนเหล็ก


นอกจากนี้ก็ยังมี จุลอุกกาบาต (micrometeorite)

 ที่เป็นฝุ่นคอสมิกในอวกาศขนาดเล็กกว่า 0.1 มม. มีมวลน้อยกว่า 1 ไมโครกรัม เมื่อพุ่ง เข้าบรรยากาศโลกจึงไม่ถึงกับทำให้เกิดปรากฏการณ์ดาวตก
 
ลูกอุกกาบาตใหญ่มาก ๆ ชนโลกจะเกิดหลุมลึกเรียกว่า “เครเตอร์ (Crater)” ซึ่งที่ใหญ่สุดบนโลกคือ หลุมแบริงเยอร์ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ปากหลุมกว้าง 1,200 เมตร ลึก 170 เมตร เท่ากับตึกสูง 40 ชั้น อายุราว 22,000 ปี น่าจะเกิดจากอุกกาบาตเหล็กหนักราว 1 ล้านตัน เส้นผ่าศูนย์กลางราว 30 เมตร

ท้องฟ้าเหนือประเทศไทยเรา


นับแต่อดีตกาลจนปัจจุบันก็มีปรากฏ การณ์ “ดาวตก” เกิดขึ้นตลอด เล็กบ้าง-ใหญ่บ้าง และ “ลูกอุกกาบาต” ที่ไม่ได้ใหญ่มาก ๆ ก็ตกใส่แผ่นดินไทยอยู่เนือง ๆ
 
เช่นตกที่ ต.ดอนยายหอม จ.นครปฐม
เมื่อ 21 ธ.ค. 2466 หนัก 32 กก. แตกเป็น 2 ก้อน เป็นชนิดเนื้อหิน, ตกที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อ 17 พ.ย. 2524 เป็นเนื้อหิน มาจากซากธารอุกกาบาตดาวหางเทมเพล
 
ในทางวิทยาศาสตร์ สามารถจะศึกษาองค์ประกอบของฝุ่นอุกกาบาต
 ได้จากสเปกตรัมของแสงที่ดาวตกเปล่งออกมา โดยที่...สีส้มเหลือง ธาตุที่เป็นส่วนประกอบคือโซเดียม, สีเหลือง คือเหล็ก, สีเขียวแกมน้ำเงิน คือแมกนีเซียม, สีม่วง คือแคลเซียม, สีแดง คือซิลิคอน และสีเขียว ธาตุที่เป็นส่วนประกอบคือออกซิเจน
 
กับดาวตกที่เห็นในไทยล่าสุด
ซึ่งอาจมีลูกอุกกาบาตตกสู่พื้นด้วย และมีการเตือนให้ระวังสารปนเปื้อนอันตราย ถ้ามีแสงสีเขียวและสีน้ำเงิน ธาตุที่เป็นส่วนประกอบหลักก็น่าจะเป็นแมกนีเซียม

ทั้งนี้ จากดาราศาสตร์หันมาดูด้านโหราศาสตร์บ้าง


 เรื่องของ “ดาวตก-ผีพุ่งไต้” นี้ อ.เก่งกาจ จงใจพระ บอกว่า...ทางโหราศาสตร์ถือเป็น “ลางสังหรณ์-ลางบอกเหตุไม่ดี” อย่างไรก็ตาม หากจะพยากรณ์ก็ต้องดูวันเวลาที่ตก เหตุการณ์ขณะนั้นเป็นอย่างไร แล้วนำมาผูกเป็นดวงว่าอาจเกิดเหตุอะไร กับใคร พื้นที่ไหน
 
ดาวตกเกิดวันอาทิตย์ ก็จะเป็นเรื่องของผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้นำในพื้นที่
 วันจันทร์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเดินทาง การเงิน จะเกิดอุบัติเหตุ เกิดปัญหา, วันอังคาร เป็นเรื่องความขัดแย้ง ทะเลาะวิวาท, วันพุธ เกี่ยวกับเรื่องข่าวสารต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นไปในลักษณะที่ไม่ดี, วันพฤหัสบดี เกี่ยวกับครูบาอาจารย์ นักวิชาการ, วันศุกร์ เกี่ยวกับเรื่องความรัก และโภคทรัพย์ เศรษฐกิจในพื้นที่, วันเสาร์ จะเกี่ยวกับอุตสาหกรรม โรงงานต่าง ๆ 
 
ทางโหราศาสตร์จะเอาช่วงวัน-เวลาที่ดาวตกมาผูกแล้ววิเคราะห์
เหมือนเด็กสมัยก่อนที่พ่อแม่มักเอาเวลาเกิด-เวลาตกฟากมาผูกดวงชะตาเด็ก ถ้าเกิดขึ้นที่ภาคเหนือในตอนนี้เขาเรียกว่าดวงกาลชะตา การทำนายก็ต้องเอาเหตุการณ์ที่เกิดในขณะนั้น ๆ มาวิเคราะห์ด้วย หรือจะดูภาพรวมของประเทศ ก็ได้ โดยเอาดวงเมืองมาประกอบดูว่าดาวตกที่ภาคเหนือจะมีผลกระทบอะไรกับใคร เช่น รัฐบาล ผู้นำประเทศ ประชาชน แต่เท่าที่ตรวจดูภาพรวมตอนนี้ดาวศุกร์ดี ไม่มีอะไร” ...อ.เก่งกาจกล่าว
 
ด้าน อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ก็บอกว่า
...ดาวตกเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่ในทางโหราศาสตร์นั้นดวงดาวเปรียบเสมือนคน มีวันเจริญรุ่งเรืองก็มีวันตก เป็นเครื่องเตือนสติบุคคลไม่ให้ยึดติดกับอำนาจ-ลาภยศ เพราะไม่จีรังยั่งยืน เจริญรุ่งเรืองก็มีวันเสื่อมถอยตกลง มาได้
 
“ในทางโหราศาสตร์จะนำมาขยายว่าเหตุเกิดขึ้นที่ไหน ทิศอะไร ระหว่างตกถึงพื้นพิภพเวลาเท่าไหร่ หลักทางโหรจะบ่งบอกถึงคนที่มีอำนาจว่าให้ระวังให้ดี อาจถึงเวลาร่วงหล่นหรือสูญเสีย ซึ่งต้องดูลัคนาเวลาตกอยู่ตรงไหน เตือนคนราศีนั้น ๆ ดาวตกที่เกิดขึ้นล่าสุดเป็นช่วงพระอาทิตย์โคจรอยู่ในราศีเมถุน กำลังจะเปลี่ยนเข้าราศีกรกฎ ก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สังคม โดยเฉพาะผู้นำทางภาคเหนือจะร่วงตกลงมา หมดอำนาจ และต้องสูญเสีย”...อ.ภิญโญระบุ พร้อมทายทัก 
 
ก็เป็นเรื่องของ “ดาวตก-ผีพุ่งไต้” ทางดาราศาสตร์-โหราศาสตร์
 
ก็สุดแท้แต่ว่าใครจะเชื่อในด้านใด...หรือทั้งสองด้าน ?!?!?!?.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์