สาวไทยพบพ่อ พลัดพราก21ปี อยู่เมืองจิงโจ้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ก.ค.

ที่ห้องประชุมมูลนิธิคริสเตียนเพื่อเด็กพิการ (ศูนย์สายรุ้งเพื่อการฟื้นฟู) เลขที่ 18/1075 หมู่ 5 ถนนสุขาประชาสรรค์ 2 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายวสันต์ แสนเวียน ผอ.มูลนิธิฯพร้อมสื่อมวลชนร่วมกันเป็นสักขีพยาน กรณีช่วยเหลือเด็กสาวชาวไทยที่ประกาศตามหาพ่อแม่บังเกิดเกล้าที่พลัดพรากจากกันมานานถึง 21 ปีเต็ม
 

นายวสันต์เผยถึงที่มาที่ไปของเรื่องราวดังกล่าวว่า

เมื่อประมาณเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจาก น.ส.ฉลวย พอทเตอร์ อายุ 21 ปี เชื้อชาติไทย สัญชาติออสเตรเลีย ว่าอยากจะให้ช่วยเป็นสื่อกลางติดตามหาพ่อแม่บังเกิดเกล้าที่พลัดพรากจากกันมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกได้เพียง 2 วัน จากการสอบถามรายละเอียดของ น.ส. ฉลวยระบุว่า เกิดเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2529 ที่ รพ.วชิรพยาบาล ตามประวัติของ รพ.ระบุว่า บิดาชื่อนายบุญส่ง แย้มเอื้อน อายุ 19 ปี และนางเฉลียว แย้มเอื้อน อายุ 19 ปี ไม่ทราบที่อยู่

หลังคลอดลูกได้ 2 วันก็ทิ้ง น.ส.ฉลวยอยู่ที่รพ.วชิรพยาบาล

ทางเจ้าหน้าที่นำส่งสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท พออายุได้ 5-6 ขวบ ก็มีครอบครัวคนไทยรับไปเป็นบุตรบุญธรรม แต่ก็ส่งคืนกลับมาในภายหลัง โดยย้ายไปอยู่กับศูนย์บุตรบุญธรรม จนกระทั่งอายุ 8 ขวบ ก็มีชาวออสเตรเลียมารับไปอุปการะ แต่ภายหลังก็มีปัญหาอีกจึงให้ไปอยู่กับครอบครัว “พอทเตอร์” จนกระทั่งปัจจุบันมีอายุ 21 ปี เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย และได้โอนสัญชาติเป็นพลเมืองออสเตรเลียแล้ว 


นายวสันต์เผยต่อไปว่า หลังใช้เวลาสืบค้นประวัติอยู่นานก็พบตัวนายบุญส่ง แย้มเอื้อน

ปัจจุบันอายุ 40 ปี เป็นช่างซ่อมรถยนต์อยู่ที่ศูนย์บริการแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี จึงได้เชิญตัวมาสอบถามข้อมูล เบื้องต้นพบว่ามีความสอดคล้องกับเรื่องราวของ น.ส.ฉลวย จึงประสานให้ น.ส.ฉลวยเดินทางมาพบกับนายบุญส่งที่มูลนิธิฯ

โดยทันทีที่นายบุญส่งและ น.ส.ฉลวยได้พบหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างอึ้งไปพักใหญ่

 ก่อนที่จะโผผวาเข้าหากอดกันกลมด้วยความดีใจที่ได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้ง


โดย น.ส.ฉลวยซึ่งพูดภาษาไทยไม่ได้ต้องใช้ล่ามช่วย

ระบุว่า ดีใจมากที่ได้เจอกับบิดาบังเกิดเกล้าของตัวเอง แม้ว่าจะเป็นฝ่ายถูกทอดทิ้งไปก็ไม่รู้สึกโกรธ เข้าใจว่าช่วงเวลานั้นทั้งพ่อและแม่คงมีเหตุจำเป็น หลังจากเรียนจบแล้วอาจจะมาทำงานสอนหนังสือในเมืองไทย แต่ต้องรอคุยกับพ่อแม่บุญธรรมที่ออสเตรเลียก่อน โดยมีกำหนดจะบินกลับออสเตรเลียในวันที่ 17 ก.ค.นี้ ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยตามหาฝันของตนให้เป็นจริง


ด้านนายบุญส่งเผยถึงความรู้สึกว่า รู้สึกผิดที่ทอดทิ้งลูกสาวไปตั้งแต่เกิด

ยอมรับว่าลูกสาวหน้าเหมือนแม่มาก ตอนที่ลูกสาวคลอดกำลังมีปัญหากับภรรยาพอดี เมื่อตกลงปัญหากันไม่ได้จึงหนีหายไป ไม่คิดว่าภรรยาจะทิ้งลูกไว้ที่โรงพยาบาล โชคยังดีที่ลูกสาวมีคนดูแลรับอุปการะ ส่วนตัวแล้วคงจะไม่รบกวนลูกสาว เพราะมีงานทำอยู่หลังจากเลิกกับแม่ของ น.ส.ฉลวยแล้ว ก็มาได้ภรรยาใหม่ มีลูกอีก 2 คน แต่สุดท้ายก็เลิกรากันไปโดยภรรยาใหม่นำลูกไปเลี้ยงเอง ส่วนตนก็ครองตัวเป็นโสดจนถึงปัจจุบัน

หากลูกอยากจะกลับมาทำงานในเมืองไทยก็ดีใจด้วย

แต่เรื่องอนาคตยังไม่มีอะไรแน่นอน จึงยังไม่อยากจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ ได้ให้เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ที่ลูกสาวสามารถติดต่อได้ตลอดเวลา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้ง 2 พ่อลูกได้นั่งพูดคุยผ่านล่ามนานกว่า 1 ชม.

โดย น.ส.ฉลวยได้ให้ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่ประเทศออสเตรเลียไว้ โดยย้ำว่าหากมีความจำเป็นหรือเร่งด่วนอะไรก็ให้ติดต่อไปได้ทันที จากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายกันกลับไปด้วยสีหน้าที่เปียมไปด้วยความสุขของทั้ง 2 ฝ่าย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์