น.ส.ชามดาซานิยังมีการกล่าวหาว่าเมื่อบุคคลทั้งสองถูก ส่งตัวกลับไปอยู่ในมือของตำรวจจีนจะถูกทรมาน พร้อมกับกระตุ้นให้ไทยหยุดส่งคนกลับไปยังประเทศที่พวกเขาต้องเสี่ยงกับการ เผชิญการละเมิดสิทธมนุษยชนอย่างร้ายแรง
แถลงอย่างเป็นทางการของจีนระบุว่า "บุคคล ทั้งสองเป็นผู้ต้องหาอาชญากรรม,หนีไปอยู่ประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย ผู้ต้องหาเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอาชญากรรม ที่ทำความผิดอย่างลับๆตลอดแนวชายแดนของประเทศ จะต้องถูกส่งตัวกลับตามกฎหมาย"
คำแถลงของจีนระว่าความร่วมมือของไทยและจีนในปัญหานี้สอด คล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและการปฏิบัติ โดยไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาผู้ลี้ภัยอพยพของสหประชาชาติ (the UN's Refugee Convention)
"การออกมาแถลงที่ขาดความรับผิดชอบของ OHCHR เช่นนี้จีนขอแสดงความรู้สึกกังวลอย่างและความไม่พอใจอย่างรุนแรง"
ส่วนประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนต่อกรณีที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่ง สหประชาชาติ (UNHCR) วิจารณ์ประเทศไทยที่ส่งชายชาวจีน 2 รายที่หลบหนีมากลับประเทศหลัง เคยถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำของจีนด้วยความผิดฐานวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คอมมิวนิสต์จีน และร่วมชุมนุมรำลึกการชุมนุมประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิ นนั้น ตนได้รับรายงานจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ว่าเพิ่งจับได้ 2 วัน แล้วมีการไปลงทะเบียนเป็นผู้ลี้ภัยอพยพกลับประเทศจีนโดยที่ สตม.ไม่รู้ เรื่อง แล้วยังไปพัวพันกับคดีค้ามนุษย์ที่ประเทศจีนอีกด้วย เป็นการส่งตัว กลับตามปกติไม่มีอะไร ทางสตม.ยืนยันว่าไม่รู้ ทางจีนขอตัวมาก็ส่งกลับไป
"ผมได้ชี้แจงกับทาง UNHCR ไปแล้ว ว่าผมทำทุกอย่างให้เป็นไปตามหลักสิทธิ มนุษยชน ถ้าต่อไปในอนาคตหากจับได้แบบกรณีนี้ หมายถึงผมต้องถาม UNHCR ทุก ครั้งหรือไม่ ผมก็จะถามเขาก่อนทุกครั้ง แต่ทาง UNHCR ที่มาพบผมเขาเข้าใจโดย เฉพาะสาขาของประเทศไทยก็เข้าใจดี จากนี้ไปถ้ามีอะไรเราจะถาม UNHCR ก่อน " พล.อ.ประวิตรกล่าว