ชี้แจงภาพสีกานั่งคร่อมพระพุทธรูป ชี้เป็นปาง ยับยัม ของนิกายตันตระ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ ชี้แจงภาพสีกานั่งคร่อมพระพุทธรูป ชี้เป็นปาง ยับยัม ของนิกายตันตระ
ชี้แจงภาพสีกานั่งคร่อมพระพุทธรูป ชี้เป็นปาง "ยับยัม" ของนิกายตันตระ
โดย Kumpiranon Homjit ได้โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับพระพุทธรุปปางนี้ไว้ว่า
***ทั้งบอก ทั้งอธิบายต่างๆนาๆ แต่ก็ยังไม่รู้เรื่อง ไม่ฟัง ไม่มีเหตุผล จะให้เรียกว่าอะไร?... ก็ยังด่ากัน วิพากวิจารณ์กันแบบมั่วๆ โง่ๆ ทั้งที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับ... "ไทย พุทธเถรวาท พระพุทธรูปของไทย" เลยสักนิด... แค่ ศิลปะการหล่อ การปั้น การวาด คล้ายๆ กัน มันไม่ได้ทำลายศาสนา และก็ไม่ได้ครอบงำคนไทยด้วย... ทุกคนมีสมอง เลือกนับถือศาสนาเองได้ อ่านให้เป็นความรู้... "ไม่ได้เผยแผ่ให้นับถือตาม"
..."รูปปั้นพระปางยับยุม" ไม่ได้เสื่อม... ชาวพุทธเราต่างหากที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ความจริง แล้วไปด่าเขา มันจะเป็นบาป จะตกนรกโดยไม่รู้ตัว... เรา
"ชาวพุทธ" ต้องหนักแน่นใน "พระรัตนตรัย" คับ เรื่อง "อุเบกขา" ก็ควรที่จะต้องฝึกไว้บ้าง...
แปลกใจทุกครั้งที่เห็นชาวพุทธเข้าไปรุมด่า สาปแช่ง ในภาพ "รูปปั้นพระที่มีผู้หญิงคร่อมอยู่บนตัก"
นี่เขาไม่รู้จัก "ยับยุม" กันเหรอ? …ผมคิดว่า ชาวพุทธบางคนเขาไม่รู้จัก พุทธนิกาย อื่นๆบ้างเหรอ? …ผมแค่สงสัย
"ยับยุม" เป็น รูปปั้นพระปางหนึ่ง ของ นิกายตันตระ หรือ วัชรยาน ใน ทิเบต มีธรรมะแฝงไว้ ไม่ใช่ทำขึ้นด้วยความสัปดนหรือลามกจกเปรตที่ต้องการดูหมิ่น "พระพุทธเจ้า"
นิกายตันตระ มีคติความเชื่อว่าทุกสิ่งล้วนเป็นคู่ "ร้อนกับเย็น" , "สว่างกับมืด" , "หญิงกับชาย" , รวมถึงเรื่องการตรัสรู้จะเข้าถึงได้เมื่อผสมผสานกันระหว่าง "กรุณา และ ปัญญา"
"พระ" เป็นสัญลักษณ์ของ "กรุณา" ส่วน "ผู้หญิง" บนตักเป็น "ปัญญา"... "การเสพสังวาส" คือ การผสานกันเป็นหนึ่งเดียว พระในนิกายตันตระสร้าง "รูปปั้นพระปางยับยุม" เพื่อสื่อความหมายถึง...การตรัสรู้โดยสมบูรณ์
นอกจากนี้ "รูปปั้นพระที่มีผู้หญิงคร่อมอยู่" นั้นคือ "พระอักโษภยะพุทธ" เป็น 1 ใน 5 พระพุทธเจ้า ตามคติความเชื่อของนิกายมหายาน... ซึ่งนับถือพระพุทธเจ้า 5 องค์ รวมเรียกว่าว่า "พระธยานิพุทธะ" ...ไม่ใช่ "พระสมณโคดมพุทธเจ้า" ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ที่ นิกายเถรวาท ในประเทศไทยเคารพนับถือ... และ ผู้หญิง ที่คร่อมอยู่ คือ ศักติ หรือ ภรรยา ไม่ใช่การมั่วเซ็กซ์กับใครก็ได้...
สรุปคือ "รูปปั้นพระปางยับยุม" นี้ ไม่ใช่ "พระพุทธเจ้าองค์ที่คนไทยพุทธเถรวาท" นับถือ... และทำขึ้นมาเพื่อ เคารพ บูชา ตามคติความเชื่อของ พุทธตันตระ ตามความเชื่อของเขา
...แล้ว พวกเรา ชาวพุทธเถรวาทไทย ไปด่าเขาทำไม?... ในเมื่อมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราเลยสักนิด...
ถ้าไม่รู้ว่าในภาพคืออะไร?... มีประวัติความเป็นมาอย่างไร?... ก็อย่าพึ่งรีบไปด่าเค้าเพียงเพราะมันคล้ายพระพุทธรูปที่ตัวเองกราบไหว้... มโนเอาว่าสร้างขึ้นเพื่อดูหมิ่นศาสนาพุทธ... แล้วโวยวายอาละวาด...
...เวลาแบบนี้ กาลามสูตรหายไปไหน? ขันติไปไหน? การทำจิตใจให้สงบหายไปไหน? เวลาแบบนี้ไม่ใช่เหรอที่ชาวพุทธควรเอาออกมาใช้? จะได้มีสติ... เกิดปัญญา... อารมณ์มั่นคงไม่ถูกโทสะ โมหะ ครอบงำจนแสดงพฤติกรรมถ่อยๆ ใส่คนอื่น...
หรือถ้าทราบที่มาของ รูปปั้นพระปางยับยุม แล้ว ...แต่ก็ยังรับไม่ได้อยู่ ยังมองว่า รูปปั้นพระปางยับยุมทำให้ภาพลักษณ์ศาสนาพุทธเสื่อมเสีย... ก็พึงสังวรไว้หน่อยว่า... "ประเทศไทยไม่ได้เป็นเจ้าของศาสนาพุทธ"
...ประเทศไทยเพียงรับเอานิกายหนึ่งในบรรดาความเชื่ออันหลากหลายของศาสนาพุทธ นั้นก็คือ นิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์ มาจากชมพูทวีป แล้วปรับเข้ากับวัฒนธรรมและความเชื่อในท้องถิ่นที่มีมาแต่ดั้งเดิม
...อย่านึกเอาเองว่า พุทธแบบไทยๆ เป็น พุทธหนึ่งเดียวในโลก แบบของเราถูกต้องที่สุด แบบอื่นผิด อะไรที่ไม่คุ้นเคย ไม่ถูกจริตเรา ก็ไปตัดสินว่าเป็นความเสื่อมเสีย ไม่ดี เลวร้าย...
...คิดว่าตัวเอง "เป็นเจ้าของ" ศาสนาพุทธในโลกนี้อย่างนั้นหรือ... ถึงมีสิทธิ์ไปตัดสินว่า รูปปั้นพระที่คล้ายพระพุทธรูปของนิกายอื่น เป็นเรื่องเลวทราม... ควรกำจัดให้หมดสิ้น... ทั้งที่นิกายที่แตกต่างหลากหลายนั้นมีมาก่อนไทยพุทธ เขากราบไหว้รูปเคารพแบบนี้กันมาก่อนเป็นพันๆปี... การด่าและสาปแช่งพุทธแบบอื่น... ไม่เท่ากับว่าไปดูถูกความเชื่ออื่นหรือลบหลู่สิ่งที่คนอื่นนับถือหรอกหรือ?
...เรื่อง รูปปั้นพระปางยับยุม นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีโผล่มาให้เห็นในอินเตอร์เน็ตอยู่เรื่อยๆ ทุกครั้งจะมีคนเข้าไปด่า มีคนชี้แจง แล้วก็เงียบหายไป สักพักก็โผล่มาให้ด่าอีก วนเวียนซ้ำซากอยู่อย่างนี้...
เมื่อไหร่คนไทยจะเรียนรู้ถึงความแตกต่างหลากหลายของ แนวคิด ความเชื่อ และอยู่ร่วมกันโดยไม่เอาความเชื่อตัวเองไปตัดสิน... เลิกผูกขาดความเป็นพุทธไว้กับตัวเองเสียที
...เราไม่สามารถเป็นคนดีได้ด้วยการด่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี การไปหยาบคายใส่คนที่ (เราคิดเอาเองว่าเขา) ลบหลู่... ไม่ใช่การปกป้องศาสนา
***วิธีการป้องป้อง และทำนุบำรุงศาสนาที่ดีที่สุดคือ ศึกษาหลักธรรมคำสอนให้เข้าใจและนำไปปฏิบัติ***
ที่มาจาก Kumpiranon Homjit
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!