นาย ยุวรัตน์ กมลเวชช
อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชาม ว่า มีปัญหาที่ต้องตีความอยู่หลายมาตรา อาทิ มาตรา 9,10 ซึ่งเป็นการเขียนล้อมาจากพ.ร.บ.การเลือกตั้งส.ส.และส.ว.ซึ่งเคยมีการตีความแล้ว่าการกระทำที่เป็นการขัดขวางหรือจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงจะเป็นความผิดต่อเมื่อ
มีการจ่ายเงินจูงใจเท่านั้นแต่ในกรณีอื่นไม่ว่าจะเป็นการตั้งเวทีปราศรัยหรือชักจูงให้บุคคลเห็นชอบตามความเห็นของตนไม่ถือเป็นความผิด ดังนั้นกรณีนี้จึงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนไม่ใช่ไปเหมาว่าการกระทำทุกอย่างเป็นความผิดทั้งหมด ให้คิดว่าหากเป็นการกระทำที่ปกติมนุษย์ทำกันก็ไม่ถือเป็นความผิดเว้นแต่มีการจ่ายเงินก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย
ยุวรัตน์ห่วงกฎหมายประชามติ
นอกจากนี้เป็นห่วงข้อความในมาตรา 10 (1)ที่ระบุว่า
การกระทำใดที่เป็นการก่อความวุ่นวายขัดขวางอันจะส่งผลให้การออกเสียงไม่เรียบร้อยต้องมีโทษทั้งจำและปรับกกต.ซี่งเป็นผู้รักษาการตามกฏหมายจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้มีปัญหาในภายหลัง อย่างไรก็ตามไม่ค่อยห่วงเรื่องการออกเสียงประชามติเท่าใดเพราะไม่ว่าการทำประชามติจะผ่านหรือไม่ประเทศไทยจะต้องมีรัฐธรรมนูญประกาศใช้อยู่แล้ว
แต่จะเป็นฉบับใดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือความเชื่อมั่นของประชาชน นักการเมืองและต่างประเทศถึงการกำหนดวันเลือกตั้งว่าจะเป็นเมื่อใด เรื่องนี้แม้รัฐบาลจะประกาศอย่างไรก็ตามยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นจนกว่านายกรัฐมนตรีจะประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมา ตนคิดว่าในช่วงเดือนพ.ย.เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด